ศาลฎีกาพิพากษายืนคุกอดีตการ์ดนปช. 35 ปี 4 เดือน

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.01.16
กรุงเทพฯ
180116-TH-police-1000.jpg เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดสกัดป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุม กปปส. บุกเข้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2556
ภิมุข รักขนาม/เบนาร์นิวส์

ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุกอดีตการ์ดของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นเวลากว่า 35 ปี ในวันอังคาร (16 ม.ค. 2561) นี้ ตามความผิดในคดีใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม-79 ยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 2557

ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ซึ่งได้พิพากษาจำคุกนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม อายุ 32 ปี จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้องนายพีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ อายุ 43 ปี จำเลยที่ 2 พร้อมริบของกลาง ทั้งนี้ ในวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาให้อัยการโจทย์รับทราบเท่านั้น ไม่ได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองมาศาล เนื่องจากจำเลยทั้งสองได้รับทราบคำพิพากษาไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ.2560

“ศาลฎีกา ได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วพบว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น... พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 35 ปี 4 เดือน และยกฟ้องนายพีรพงษ์ จำเลยที่ 2 พร้อมริบของกลาง” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาศาลฎีการะบุ

เมื่อปี 2557 จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอดีตการ์ดของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ได้ยิงเอ็ม-79 เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมของ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 แขวงจตุจักร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของตระกูลชินวัตรเท่านั้น

คดีนี้ อัยการคดีอาญา7 เป็นโจทย์ฟ้องนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม เป็นจำเลยที่ 1 และนายพีรพงษ์ สินธุสนธิชาติ เป็นจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, กระทำการให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแต่บุคคลฯ, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ จากการที่จำเลยทั้งสองและพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้อง ร่วมกันมีอาวุธปืนชนิดเครื่องยิงระเบิดสังหารที่นายทะเบียนไม่ได้อนุญาตให้ โดยพกพาไปยังถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก และถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นในเมืองหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร

โดยโจทย์ฟ้องว่า จำเลยและพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนยิงเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. บริเวณหน้าอาคารชินวัตร 3 แขวงจตุจักร โดยเป็นการยิงปืน ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองและที่ชุมนุม โดยมีเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อน ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า ลูกระเบิดยิงชนิดระเบิดสังหารที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง สามารถทำอันตรายแก่ชีวิตบุคคลที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวให้ถึงแก่ความตาย หรือมีความเสียหายแก่ทรัพย์สินได้ แต่ลูกระเบิดซึ่งตกห่างจากนายประกิต กันยามา ผู้เสียหายที่ 1 ไปประมาณ 40 เมตร จึงไม่ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมให้ถึงแก่ความตาย แต่สะเก็ดระเบิดสร้างความเสียหายกับบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจที่เกิดเหตุสามารถเก็บเศษระเบิดได้ 1 ถุง เป็นของกลาง

โดยศาลอาญามีคำพิพากษา ในวันที่ 6 พ.ย. 2558 ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคน คนละ 43 ปี 4 เดือน พร้อมทั้งริบของกลาง ซึ่งต่อมาศาลอุธรณ์มีคำพิพากษา ในวันที่ 24 ส.ค. 2559 ลดโทษจำคุกนายณรงค์ศักดิ์ จำเลยที่ 1 เหลือ 35 ปี 4 เดือน และ ยกฟ้องนายพีรพงษ์ จำเลยที่ 2 แต่ศาลยังให้ขังจำเลยไว้ระหว่างรอฎีกา จากนั้นอัยการโจทย์และจำเลยที่ 1 ต่างยื่นฎีกา

“ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้นั้น... ศาลฎีกา เห็นว่า... พยานหลักฐานโจทก์นำสืบมาข้อเท็จจริงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น” คำพิพากษาศาลฎีกาตอนหนึ่ง ระบุ

“ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า "นายพีรพงษ์" จำเลยที่ 2 กระทำความผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีเพียงบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 และไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนบันทึกคำให้การรับสารภาพให้มีน้ำหนักรับฟัง พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดคดีนี้หรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น” คำพิพากษาศาลฎีกาตอนหนึ่งระบุเพิ่มเติม

ทั้งนี้ คดีนี้เป็นหนึ่งในจำนวนหลายคดีที่เกิดขึ้นระหว่างปี 2556-2557 ที่มีผู้ชุมนุมต่อต้านการทำงานของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังหลบหนีอยู่ในประเทศอังกฤษ หลังศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีบกพร่องต่อหน้าที่ไม่ระงับยับยั้งโครงการจำนำข้าว

นอกจากคดีฟ้องร้องนายณรงค์ศักดิ์ พลายอร่าม แล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเชื่อว่ามีความเกี่ยวพันกับการยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม-79 ใส่ผู้ชุมนุมขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ จนเสียชีวิต 3 ราย รวมทั้งเด็กชาย-หญิงสองพี่น้อง อายุเพียง 5 และ 6 ขวบ และมีผู้ได้บาดเจ็บกว่า 20 ราย เมื่อต้นปี 2557 อีกด้วย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง