เจ้าหน้าที่ด่านสะเดาในสงขลา 2 นาย ติดโควิด-19
2020.04.22
ปัตตานี และนราธิวาส
ในวันพุธนี้ จังหวัดสงขลาได้มีคำสั่งให้ปิดด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา หลังจากที่พบว่า เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ราย โดยด่านสะเดาจะย้ายไปให้บริการที่ด่านปาดังเบซาร์ ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2563 แทน เป็นการชั่วคราว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ 69 ราย ถูกกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ ขณะที่ทั่วประเทศพบผู้ติดเชื้อใหม่ 15 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย
นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวในการแถลงข่าว จังหวัดสงขลาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย โดยในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา
“กลุ่มผู้ที่ติดเชื้อรายใหม่เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ศูนย์กักกันคนเข้าเมือง และด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา การดำเนินการควบคุมป้องกันโรคในกรณีนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา โรงพยาบาลสะเดา และปาดังเบซาร์ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศสะเดา และหน่วยงานในสังกัดในพื้นที่ ได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างส่งตรวจเพาะเชื้อ ในกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิด และเพื่อนผู้ร่วมงานที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดาทุกคนแล้ว” นายจารุวัฒน์ ระบุ
ขณะที่ นพ.อุทิศศักดิ์ หริรัตนกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา แถลงข่าวชี้แจงว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 18-21 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
โดยหลังพบเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองติดเชื้อ นายจารุวัฒน์ ได้ออกหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า จังหวัดสงขลาจะได้มีการย้ายจุดผ่านแดนชั่วคราว เพื่อทำความสะอาดด้วย
“พบเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประจำจุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จำนวน 1 ราย และเจ้าหน้าที่สังกัดตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา จำนวน 1 ราย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดผ่านแดนถาวรด่านสะเดาได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ว่า ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และมีแนวโน้มจะได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ว่า ป่วยด้วยโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 4 ราย” นายจารุวัฒน์ กล่าว
“จังหวัดสงขลาพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งอาจจะมีการแพร่ระบาดในบริเวณจุดผ่านแดนถาวรสะเดา… ประกอบกับต้องปิดพื้นที่บางส่วน เพื่อดำเนินการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ จึงขออนุญาตเปลี่ยนจุดผ่านแดนที่อนุญาตให้คนไทยกลับเข้ามาจากจุดผ่านแดนถาวรสะเดา เป็นจุดผ่านแดนถาวรปาดังเบซาร์ ชั่วคราวเป็นเวลา 7 วัน” นายจารุวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม
ขณะที่ พ.ต.อ.มานะ นาคทั่ง รองผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ 6 รักษาราชการแทนผู้บังคับการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสงขลา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า สืบเนื่องจากการพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ จึงทำให้ต้องกักตัวเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดรายอื่นอีก 69 ราย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
“เป็นคำสั่งของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ย้ายด่านสะเดาไปเปิดที่ปาดังเบซาร์ เป็นการปิดเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากที่ด่านสะเดามีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองติดเชื้อ วันนี้มีให้กักตัวเจ้าหน้าที่ 69 นาย โดยผลตรวจเจ้าหน้าที่ตม. 2 นาย ผลเป็นลบ แต่ให้กักตัวต่อตามมาตรการโควิด” พ.ต.อ.มานะ กล่าว
ทั้งนี้ การกักตัวเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จะมีระยะเวลา 14 วัน โดยกักตัวอยู่ที่โรงแรมเอ็มโซโฮ ที่บ้านด่านนอกชายแดนไทย-มาเลเซีย 10 คน ส่วนที่เหลือให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสะเดาอีก 3 คน ที่ถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และอยู่ระหว่างรอการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่
อย่างไรก็ตามในวันนี้ เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา ยังทำงานตามปกติโดยได้คัดกรองคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียตามที่มีการลงทะเบียนไว้แล้ว 110 คน อย่างไรก็ตาม ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา นับจากวันที่ทางการไทยเปิด 5 ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน มีคนไทยผ่านเข้ามาแล้ว 1000 คน โดยประมาณ
ในวันเดียวกัน พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) ได้ลงพื้นที่ด่านสะเดา เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานควบคุมและเฝ้าระวัง รวมทั้งมาตรการคัดกรองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 หลังจากรัฐบาลอนุญาตให้คนไทยในประเทศมาเลเซียเดินทางกลับเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2563
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้แจ้งว่า คนไทยที่ได้หนังสือรับรองเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านด่านสะเดา ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน 2563 การเดินทางต้องย้ายไปที่ด่านปาดังเบซาร์ แต่ไม่จำเป็นต้องแก้ไขหนังสือรับรอง โดยผู้เดินทางด้วยรถบัสของสถานเอกอัครราชทูตฯ จะไม่ต้องดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม เพราะรถบัสของสถานเอกอัครราชทูตฯ จะพาไปส่งที่ด่านปาดังเบซาร์แทน แต่สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถส่วนตัว ขอให้เดินทางไปที่ด่านปาดังเบซาร์ และแสดงหนังสือรับรองที่ได้รับจากการลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อผ่านจุดตรวจที่ทางเข้ารัฐปะลิส
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดทั่วประเทศแต่ละวันลดลง
ในวันเดียวกัน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยในการแถลงสถานการณ์ประจำวันว่า ประเทศไทยยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ในอัตราที่น่าพอใจ และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเช่นกัน
“ตัวเลขน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งครับ 15 ราย สำหรับผู้ป่วยใหม่ในวันนี้ แล้วก็มีผู้ป่วยที่หายป่วยไปแล้วในวันนี้ 244 ราย ทำให้เรามีคนที่รับการรักษา ตกลงไปเหลือ 400 กว่ารายเท่านั้นเอง เป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 2,826 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็น 49 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า ผู้ป่วยยืนยันรายใหม่วันนี้ ประกอบด้วยกลุ่มที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 10 ราย และ ผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้า 5 ราย
ขณะที่ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด-19 รวม 2,614,040 คน มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยใน 185 ประเทศ มีผู้เสียชีวิต 181,235 คน รักษาหายแล้ว 706,636 คน ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดสี่อันดับต้น คือ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และอังกฤษ เป็นต้น ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส ตามลำดับ โดยองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในขั้นโรคระบาดใหญ่ หรือ Pandemic แล้ว