อาร์เคเคระเบิดสี่จังหวัดรับรอมฎอนและป่วนการพูดคุย
2018.05.21
ปัตตานี และ นราธิวาส
เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ แถลงข่าวในวันจันทร์นี้ว่า กองกำลังระดับปฏิบัติอาร์เคเค ซึ่งอยู่ภายใต้ขบวนการบีอาร์เอ็นได้วางระเบิดเป็นผลสำเร็จ 16 จุด ในสี่จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่ารู้ตัวและชื่อผู้ต้องสงสัยที่นำระเบิดไปก่อเหตุแล้ว ด้านผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์เชื่อว่า เป็นการบ่อนทำลายรอมฎอนและการพูดคุยเรื่องพื้นที่ปลอดภัยที่ยังไม่ชัดเจน
พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวที่โรงพยาบาลปัตตานี กรณีเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้เกิดในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยสามราย
"จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าคนร้าย ก่อเหตุทั้งหมดเป็นการก่อกวนความไม่สงบโดยใช้ระเบิดขนาดเล็ก เป้าหมายคือตู้ ATM ทั้งสี่จังหวัด เป็นเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 14 จุด ระเบิดเสาไฟฟ้า 2 จุด เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ได้ 2 จุด และเหตุวางวัตถุระเบิดต้องสงสัยอีก 5 จุด นอกจากนี้ มีการยิงก่อกวนที่ฐานหน่วยเฉพาะกิจกองทัพเรือ" พันเอกปราโมทย์กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
“สำหรับเป้าหมายในการก่อเหตุของคนร้ายครั้งนี้เล็งไปที่ตู้ ATM เห็นได้อย่างชัดเจนว่า หนึ่ง คนร้ายพยายามสร้างความเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะจุดเกิดเหตุเป็นที่ทางสาธารณะ สอง คือ ฝ่าฝืนศาสนบัญญัติของมุสลิม โดยเฉพาะเดือนนี้เป็นเดือนศักดิ์สิทธิ์ ในเดือนรอมฎอน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางองค์กรศาสนาทั้ง 11 องค์กร ได้ออกมาย้ำเตือนถึงการไม่ก่อเหตุเช่นนี้... แต่ก็ยังฝ่าฝืน” พันเอกปราโมทย์กล่าว
พันเอกปราโมทย์ กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ทราบตัวคนที่นำระเบิดไปก่อเหตุบริเวณตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารออมสิน หน้า อบต.บ้านโหนด ม.2 ต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา แล้ว คือ นายแวกอยี ตะเละ อายุ 28 ปี เป็นแนวร่วมอาร์เคเค กลุ่มเดียวกับ นายบูคอรี หลำโสะ ที่เป็นแกนนำก่อเหตุระเบิดทั้งสองจุด ในจังหวัดสงขลา ซึ่งพบว่าลงมือเพียงคนเดียว
นอกจากนั้น คนร้ายได้มีการพรางตัวแต่งตัวเลียนแบบเจ้าหน้าที่ หรือแต่งกายชุดฮิญาบ
สำหรับเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น นับตั้งแต่ 18.40-19.30 ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น เกิดในพื้นที่จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
"คนร้ายใช้ระเบิดไปป์บอมตั้งเวลาจุดระเบิดพร้อมกัน เพื่อสร้างความไม่สงบ" นายธราวุธ ช่วยเกิด นายอำเภอบันนังสตา กล่าว
ทั้งนี้ เหตุการณ์ในลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นมาครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ซึ่งเกิดระเบิดขึ้น 13 จุด ในพี้นที่สามจังหวัด และมีผู้ก่อเหตุเสียชีวิตด้วยระเบิดของตนเองสองราย
ด้าน ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ กล่าวว่า กลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นผู้รับผิดชอบการระเบิดในครั้งนี้ และพยายามยกระดับการปฏิบัติการมาตั้งแต่ต้นเดือน
"กลุ่มบีอาร์เอ็นสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ต้นเดือน ถือว่าความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้สูงมาอย่างต่อเนื่อง 60 กว่าเหตุที่เกิดขึ้น สถานการณ์ขยับสูงขึ้นและต่อเนื่องจากต้นเดือนจนถึงเมื่อคืน” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
“ส่วนสาเหตุ มาจากหลายประเด็น ประกอบกับเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอน และการพูดคุยที่มีแนวโน้มความไม่แน่นอน หลังจากมีการเลือกตั้งใหม่ของมาเลเซีย ทำให้พื้นที่ปลอดภัยที่เคยคุย อาจมีผลทางความคิดของกลุ่มในพื้นที่ ทำให้กลุ่มขบวนการแสดงความสามารถในการปฏิบัติการขึ้นมา” ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว
ด้าน พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีนัยยะสำคัญ
"เขาคงไม่มีนัยยะอะไร เพียงต้องการแสดงตัวตนให้รู้ว่ากลับมาอีกแล้ว ดังนั้นเมื่อกลับมาแล้ว เราก็จะต้องเจอกันอีก และพอจะรู้แล้วว่าเป็นใคร รู้ชื่อและหน้าตาแล้ว” พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว
คณะกรรมาธิการทางเทคนิคของคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขรัฐบาลไทย กำลังพยายามจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยขึ้น ในอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งในขณะนี้รอการพิจารณาร่วมเพื่อการรับรองของคณะผู้แทนการเจรจาของทั้งสองฝ่าย ซึ่งฝ่ายไทยหวังที่จะดำเนินการพูดคุยในมาเลเซีย ในช่วงเดือนรอมฎอนนี้ ซึ่งในการวางระเบิดต่อเนื่องครั้งนี้ เกิดขึ้นในอำเภอบาเจาะ 2 จุด คือ ที่ตู้ ATM ธนาคารอิสลาม ใน ต.ปะลุกาสาเมาะ และการยิงใส่ฐาน ฉก.นย.32 ใน ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ในส่วนมาตรการในอนาคตนั้น ได้พูดคุยกับฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองแล้ว โดยจะมีการหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติม ในเรื่องของการสวมหมวกกันน็อกของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
"ต่อไปเมื่อใครขับรถแล้วจอดลงเดินนั้น จะต้องถอดหมวกกันน็อกวางไว้ที่รถทุกคน หากไม่วางก็จะต้องมีความผิดอย่างไรนั้น ก็จะต้องไปคุยกับนักกฎหมายอีกที เพราะเป็นเรื่องของการสร้างความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องทำ" พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าว