ชาวสามจังหวัดใต้คาดปีใหม่สดใสขึ้นจากการลงทุนภาครัฐ-เอกชน

มารียัม อัฮหมัด
2020.01.03
ปัตตานี
200103-TH-deepsouth-labor-650.jpg คนงานเทคอนกรีตที่บริเวณหน้า บริษัท ปัตตานีคอนกรีต จำกัด ในอำเภอเมือง ปัตตานี วันที่ 30 ธันวาคม 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ชาวบ้าน นักธุรกิจ และภาครัฐ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดหวังว่าในปีใหม่นี้ สภาพทางเศรษฐกิจและความรุนแรงในพื้นที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องด้วยมีการลงทุนของโครงการอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ยังจะมีการขยายตัวและจะช่วยสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ชายแดนใต้ เชื่อว่า การเจรจาของฝ่ายรัฐบาลไทยและผู้เห็นต่าง ยังคงเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อแนวโน้มสถานการณ์อยู่

ในโอกาสการขึ้นปีใหม่ 2563 ดร.อนุชิต งามขจรวิวัฒน์ เจ้าของบริษัท ปัตตานีคอนกรีต จำกัด และนักวิชาการอิสระด้านสังคมพหุวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี กล่าวแสดงทัศนะแก่เบนาร์นิวส์ว่า โอกาสทางเศรษฐกิจของคนสามจังหวัดชายแดนใต้ ได้เปิดกว้างขึ้น เพราะมีโครงการอุตสาหกรรมเปิดตัวและมีการขยายตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีโรงงานขนาดใหญ่ที่เปิดตัวในสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งได้มีการจ้างงานไปบ้างแล้วและจะมีการจ้างงานเพิ่มอีกหลายพันอัตรา เช่น โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ทุเรียน บริษัท ม่านกู่หวางฟู้ด จำกัด ในอำเภอเทพา สงขลา มูลค่ากว่า 700 ล้านบาท โรงงานเฟอร์นิเจอร์ของบริษัท ซูเพิร์บ ครีเอชั่น เฟอร์นิเจอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มูลค่าราว 350 ล้านบาท ในหนองจิก โรงงานไฟฟ้า APCON GROUP ขนาด 23 เมกะวัตต์ ในหนองจิกเช่นกัน ในกลางปีนี้ จะมีการสนามบินแห่งใหม่ในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา

ในขณะที่ภาครัฐมีโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กอีกนับร้อยแห่งอีกด้วย ซึ่งล่าสุด ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า เมื่อวานนี้ คณะรัฐมนตรี ได้รับเรื่องการสร้างโรงงานไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กกว่า 100 โรง ที่เสนอโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้ ศอ.บต. พิจารณารายละเอียดตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กระทรวงพลังงานจัดทำระเบียบการซื้อไฟฟ้าไว้ เพื่อนำเสนอรายละเอียดข้อเสนอโครงการไปยังคณะกรรมการบริหารรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

“นั่นคือโอกาสของคนในพื้นที่ และจริงๆ แล้ว คนในสามจังหวัดมีโอกาสมาก ถ้าเราเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ว่าจะต้องเจอกับภาวะการศึกษา เศรษฐกิจ และความไม่สงบในพื้นที่ ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ ดังนั้น เราต้องตั้งรับปัญหาตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ว่าปัญหาการศึกษา ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาความมั่นคง ถ้าเรามีการรับมือที่ดี เราจะไม่ลำบากอย่างแน่นอนในปี 2563” ดร.อนุชิต กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

นอกจากนี้ ดร.อนุชิต ยังได้เสนอแนวคิดในการพัฒนาเส้นทางถนน รถไฟฟ้า ตามแนวชายแดน ด่านชายแดน และข้ามแดนไทย-มาเลเซีย  รวมทั้ง พิจารณาโครงการรั้วชายแดน เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ การศึกษา และแก้ปัญหาความมั่นคง

ทั้งนี้ ในภาคใต้ของไทย มีแรงงานไปทำงานต่างประเทศ 1,693 คน เป็นแรงงานจากจังหวัดสงขลา มากที่สุดคือ 590 คน รองลงมาคือจังหวัดปัตตานี 363 คน และจังหวัดสตูล 138 คน ซึ่งคนพื้นที่เห็นว่าการสร้างงานในพื้นที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ต้องไปหางานทำในประเทศเพื่อนบ้าน

ในเรื่องโรงงานไฟฟ้าชุมชนนั้น นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการประชุมสรุปว่า ให้จัดตั้งศูนย์ประสานและบริการเบ็ดเสร็จด้านพลังงาน หรือ One Start-One Stop Service for Regional Power System ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนทางเศรษฐกิจในพื้นที่ ประมาณ 19,764 ล้านบาท และมีอัตราหมุนเวียนการซื้อขายวัตถุดิบทางการเกษตร เพื่อเฉลี่ยรายได้เกษตรกร ระหว่าง 6.2 ถึง 6.9 พันล้านบาท ใช้พืชพลังงานประมาณ 1.5 หมื่นตันต่อวัน ซึ่งจะต้องดำเนินการจัดทำรายละเอียด เพื่อเสนอเข้ากรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ อีกครั้งหนึ่ง

โฆษกรัฐบาล ยังได้ระบุรายละเอียดอีกว่า ทาง ศอ.บต.ได้ขอจัดสรรอัตราการผลิตไฟฟ้าเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 256.9 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นขนาดเล็กกำลังการผลิต 1.5-2 เมกะวัตต์ จำนวน 100 แห่ง ที่เหลือขนาดไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ไม่เกิน 3 แห่ง และยังมีโครงการโรงไฟฟ้าขนาดไม่เกิน 27 เมกะวัตต์อีก 1 แห่ง กำหนดระยะเวลาดำเนินงานรวม 5 ปี

“จะสามารถแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ สร้างงาน สร้างอาชีพใหม่ให้กับประชาชน จะเกิดรายได้กลุ่มวิสาหกิจเพื่อการแปรรูป จํานวนกลุ่มละ 20 คน ไม่น้อยกว่าสองพันคน และจะเกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อเพาะปลูกพืชพลังงาน ไม่น้อยกว่า 7 แสนไร่ จะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ เกิดการจ้างงานโดยตรง 1.54 แสนราย” นายชนธัญ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

นายชนธัญ ระบุอีกว่า จะมีการจ้างงาน ผู้จัดการ วิศวกร บัญชี ธุรการ จัดซื้อ ช่างเทคนิค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ ต่อหนึ่งโรงไฟฟ้า ประมาณ 16 คน

เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถอดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล ที่โรงไฟฟ้าหนองจอก กรุงเทพฯ ภาพเมื่อ 27 เมษายน 2554 ก่อนเตรียมส่งไปให้ประเทศญี่ปุ่นยืมใช้บรรเทาปัญหาการขาดแคลนพลังงาน จากความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ (รอยเตอร์)
เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถอดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล ที่โรงไฟฟ้าหนองจอก กรุงเทพฯ ภาพเมื่อ 27 เมษายน 2554 ก่อนเตรียมส่งไปให้ประเทศญี่ปุ่นยืมใช้บรรเทาปัญหาการขาดแคลนพลังงาน จากความเสียหายจากแผ่นดินไหวและสึนามิ (รอยเตอร์)

นับตั้งแต่มีการปล้นปืนกว่าสี่ร้อยกระบอกไปจากค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ ในอำเภอเจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ได้เกิดเหตุการณ์ยิง วางระเบิด ต่อเป้าหมายทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่และพลเรือน ทำให้ทีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 7,000 คน ตามตัวเลขที่ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้รวบรวมไว้

ทั้งนี้ พลเอก วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ฝ่ายไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้ระบุวันเวลาในการพบปะของทั้งสองได้ แต่ทางฝ่ายไทยเปิดกว้างขอให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมเจรจา ในขณะที่มีรายงานข่าวเป็นครั้งคราวว่า ฝ่ายฮาร์ดคอร์ของกลุ่มบีอาร์เอ็น ต้องการให้ฝ่ายไทยเจรจากับพวกตนโดยตรง

ในเรื่องนี้ ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี นักวิจัยสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ กล่าวว่า เหตุการณ์ในพื้นที่จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของทั้งสองฝ่ายด้วย

"สถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ปีนี้ ขึ้นอยู่ความคืบหน้าของการเจรจาการพูดคุยจะมีความคืบหน้าขนาดไหน ถ้ายังไม่มีความคืบหน้า ก็จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในส่วนของการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังถือว่าต่ำอยู่ หากเทียบกับความต้องการของคนในพื้นที่ตามโครงสร้างและการพัฒนาในพื้นที่ภาคอื่นๆ" ผศ.ดร.ศรีสมภพ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายมุกตา ตาเห นักธุรกิจชาวไทย กล่าวว่า เมื่อประชาชนมีงานทำแล้ว จะทำให้ไม่มีใครอยากร่วมก่อความไม่สงบ

"เชื่อว่าปัญหาบ้านเราจะดีขึ้นได้ ถ้าคนมีเศรษฐกิจที่ดี มีงานทำ มีความรู้มีการศึกษา ดูแลสุขภาพของชาวบ้านให้ฟรีจริง ๆ แล้ว ความไม่สงบในพื้นที่มันจะหายไปเองโดยไม่ต้องไปเจรจา ไม่ต้องไปพูดคุย ไม่ต้องไปบอกให้เขาวางอาวุธ ที่สำคัญ รัฐต้องไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่ม ทำความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น" นายมุกตา กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง