คนร้ายยิงสายข่าวตำรวจเสียชีวิตในยี่งอ
2019.04.30
ปัตตานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจในสามจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวในวันอังคารนี้ว่า ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงสายข่าวเจ้าหน้าที่เสียชีวิตด้วยอาวุธสงครามหนึ่งรายในพื้นที่อำเภอยี่งอ นราธิวาส ส่วนในอำเภอหนองจิก ปัตตานี เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดสองนายในขณะที่พยายามทำลายวัตถุระเบิดที่คนร้ายวางไว้ใกล้บริเวณบ้านของชาวบ้านที่ถูกยิงบาดเจ็บเมื่อคืนวานนี้
เมื่อเวลา 05.10 น. ของวันนี้ ร.ต.ท.รวิ ศิลปะปัญญา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงนายซาฮารัน ดือราซาบาตู อายุ 29 ปี สายข่าวเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ในพื้นที่ ม.3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พบสภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน เอ็ม.16 ที่บริเวณเบ้าตาขวา 1 นัด ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลยี่งอ
ร.ต.ท.รวิ กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดบริเวณบนถนนทางเข้าบ้านพัก จึงได้เปิดประตูบ้านเดินออกมาดู จนถึงระยะประมาณ 50 เมตร ก่อนถึงถนนทางเข้าบ้านพัก ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ใต้โคนต้นมะพร้าว ใช้อาวุธปืน เอ็ม.16 ยิงใส่จำนวน 8 นัด และโดนผู้เสียชีวิต 1 นัด ที่บริเวณเบ้าตาขวา จนผู้เสียชีวิตต้องวิ่งหลบหนีเพื่อเข้าบ้าน แต่ความรุนแรงของบาดแผลทำให้ผู้เสียชีวิตล้มลงที่บริเวณถนนทางเข้าบ้านพัก
ร.ต.ท.รวิ กล่าวอีกว่า เมื่อภรรยาของนายซาฮารัน ได้ยินเสียงปืน จึงได้วิ่งออกมาดู พบว่าสามีได้นอนจมกองเลือดอยู่ ส่วนคนร้ายได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยายนต์หลบหนีไป
พ.ต.อ.ดุลมาน แยนา ผกก.สภ.ยี่งอ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า คาดว่าสาเหตุมาจากขบวนการค้ายาเสพติด
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่า เป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ที่ผู้เสียชีวิตเป็นสายข่าวแจ้งเบาะแสเรื่องยาเสพติด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไปดำเนินคดีได้หลายราย" พ.ต.อ.ดุลมาน กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
คนร้ายยิงใส่บ้านชาวบ้านบาดเจ็บ-ล่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยวางระเบิดในหนองจิก
เมื่อเวลา 23.30 น. ของคืนวันจันทร์ พ.ต.ท.พิมาย แสงแก้ว สว.สอบสวน สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุกราดยิงบ้านประชาชนในพื้นที่ ม.3 ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จากนั้นประมาณ 10 นาที ได้เกิดระเบิดขึ้นบริเวณเสาไฟฟ้าห่างกันประมาณ 400 เมตร
จากนั้น พ.ต.ท.พิมาย ได้นำกำลังไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.จว.ปัตตานี และ พล.ต.ปิยะพงศ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี ไปถึงเจ้าหน้าที่พบว่าจุดแรกเหตุยิงใส่บ้านเลขที่ 41 เป็นบ้านปูนชั้นเดียวมีรูกระสุนบริเวณประตูและผนังหน้าบ้านกว่า 10 รู
พ.ต.ท.พิมาย กล่าวว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นางลัดดา ศรีประชุมอายุ 50 ปีเป็นสมาชิก อบต.ปุโละปุโย และยังเป็น อสม. มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน เอ็ม.16 จำนวน 10 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนนางลัดดานั้น มีพลเมืองดีได้นำส่ง รพ.หนองจิก เรียบร้อยแล้ว
จากนั้น ยังพบว่าคนร้ายจุดระเบิดซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร ทำให้เสาไฟฟ้าริมถนนหักโค่นลงมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ในตอนกลางดึก
ต่อมาเมื่อเวลา 08.30 น. ขณะที่ เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดแสวงเครื่องซุกไว้โค่นเสาไฟฟ้าจึงได้นำปืนแรงดันน้ำยิงทำลาย 1 ครั้ง จากนั้นประมาณ 10 นาที จ.ส.อ.ธนะศักดิ์ เงินสมทอง เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดได้เข้าไปตรวจสอบว่าระเบิดถูกทำลายหรือไม่ แต่ปรากฏว่าระเบิดลูกดังกล่าวได้เกิดระเบิดขึ้น โดยสะเก็ดระเบิดและแรงระเบิดทำให้ถูกแขนขวาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลปัตตานี แพทย์ได้ให้การช่วยเหลืออาการปลอดภัยแล้ว
“เชื่อว่าคนร้ายเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่มีการวางแผนซ้อนแผนโดยการลอบยิงบ้านเรือนประชาชน ส่วนอีกชุดได้ลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า โดยการนำระเบิดลูกที่สองซุกเพื่อล่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบหวังสังหารเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและเกิดระเบิดขึ้นทำให้เหตุครั้งนี้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย” พ.ต.ท.พิมาย กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
นายก-แม่ทัพภาคสี่ สั่งเข้มงวดความปลอดภัยช่วงรอมฎอน
ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การดูแลความสงบเรียบร้อยพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเดือนรอมฎอน ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเพิ่มความเข้มงวด ทั้งการตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด และงานด้านการข่าว และต้องขอความร่วมมือจากประชาชน เพราะการใช้มาตรการที่เข้มงวดของเจ้าหน้าที่ อาจกระทบต่อความสะดวกของประชาชน แต่ทุกอย่างเป็นไปเพื่อการดูแลความเรียบร้อยในภาพรวมของพื้นที่ และหากประชาชนพบเห็นความผิดปกติ ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อย
ด้านพลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ทางกองทัพภาคได้ปรับกลยุทธ์ในการดูและประชาชน ไปค้างคืนดูแลพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน โดยจะนำร่องเข้าดูแลหมู่บ้านที่มีปัญหาเป็นหลัก เพื่อกดดันผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ออกไปจากหมู่บ้าน
“พี่น้องไทยพุทธ-มุสลิม จะต้องปลอดภัย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตา ดูแลหมู่บ้านชุมชนของตนเอง นอกจากนี้ 1 หมู่บ้าน จะต้องมี จุดตรวจอย่างน้อย 1 จุด เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนได้อุ่นใจ และหากหมู่บ้านใด พบเห็นหรือให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง กำนัน ผู้ใหญ่ ในพื้นที่นั้นจะต้องรับผิดชอบ ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนาต้องเลือกข้างว่าจะช่วยเหลือผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือช่วยชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ถูกทำร้าย" พลโทพรศักดิ์กล่าว