ตำรวจเจ็บ 5 นาย ในเหตุมอเตอร์ไซค์บอมบ์สวนสาธารณะรือเสาะ
2018.10.18
นราธิวาส และปัตตานี

ในวันพฤหัสบดีนี้ เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์โจมตีรถยนต์กระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะตรวจตราความเรียบร้อยในพื้นที่สวนสาธารณะกาญจนาภิเษก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย ในเบื้องต้น ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการก่อเหตุ เพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ
ร.ต.อ.อุทัย พันธ์ทอง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจภูธร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่าได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุระเบิดในพื้นที่สวนสาธารณะ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
“เหตุเกิดบริเวณสวนสาธารณะกาญจนาภิเษก ม.2 อ.รือเสาะ แรงระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรรือเสาะ ชุดเฉพาะกิจ 20 ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย สอบถามเบื้องต้นทราบว่า คนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวน นำรถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแล้วมาจอด ก่อนจุดชนวนระเบิดขึ้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวขับรถเข้ามาลาดตระเวน” ร.ต.อ.อุทัย ระบุ
ร.ต.อ.อุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในวันเดียวกัน พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงสรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครึ่งแรกของเดือนตุลาคม 2561 ระบุว่า มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น 12 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิต 6 ราย
“ภาพรวมสถานการณ์มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ห้วงวันที่ 1–15 ตุลาคม 2561 มีเหตุการณ์รวม 12 เหตุการณ์ เป็นเหตุความมั่นคง 4 เหตุการณ์ เรื่องส่วนตัว 5 เหตุการณ์ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 3 เหตุการณ์ เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 7 ราย
จากปีงบประมาณ 2561 คือ ระหว่างตุลาคม 60 ถึงสิ้นกันยายน 61 สถิติสรุปว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่เป็นเหตุความมั่นคงทุกประเภท ยิง เผา และลอบวางระเบิด มีรวมทั้งสิ้น 125 เหตุการณ์ เทียบกับปีก่อนหน้าที่เกิดเหตุ 166 เหตุการณ์ เท่ากับลดลง 41 เหตุการณ์ คิดเป็น 24.69 เปอร์เซ็นต์” พ.อ.ธนาวีร์ กล่าว
“ปี 61 มีผู้ได้รับผลกระทบ 194 ราย คือเสียชีวิต 52 ราย บาดเจ็บ 142 ราย เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า มีผู้ได้รับผลกระทบ 347 ราย ลดลงถึง 153 ราย คิดเป็น 44.09 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เหตุรุนแรงลดลง และความสูญเสียก็ลดลงด้วย” พ.อ.ธนาวีร์ กล่าวเพิ่มเติม
พ.อ.ธนาวีร์ ระบุว่า พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ได้สั่งให้ดำเนินนโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดยให้ดำเนินการ 1. การควบคุมพื้นที่ไม่ให้เกิดเหตุโดยการบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ใช้กำลังทหารลาดตระเวนนอกฐานที่ตั้งให้ครอบคลุมเต็มพื้นที่ เน้นการมีส่วนร่วมของกำลังภาคประชาชน ให้มาร่วมดูแลพื้นที่ให้มากที่สุด
และ 2. การแก้ไขปัญหายาเสพติด ดำเนินการในเรื่องการป้องกัน การปราบปราม และการบำบัดรักษา โดยใช้มาตรการทางกฎหมายสำหรับผู้ค้า สำหรับผู้เสพได้เตรียมการนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาฟื้นฟูอย่างจริงจัง โดยกำหนดเป้าหมายผู้เข้าบำบัดหนึ่งหมื่นคน ซึ่งโครงการอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ และจะเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2561
โดยในวันนี้ ได้ให้กำลังพลกว่า 1 พันนาย ในสังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ซึ่งผลการตรวจไม่พบกำลังพลคนใดมีสารเสพติด และสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการส่งบุตรหลานเข้ารับการบำบัดยาเสพติด หรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่ ตู้ ปณ. 41 อ.เมือง จ.ยะลา 95000 และโทรศัพท์สายด่วน 1314 ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ดี ปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาที่ประชาชนในพื้นที่กังวล โดยนายมะหามะยูโซ๊ะ ดอเลาะ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า เหตุรุนแรงลดลงกว่าในอดีต แต่เห็นว่าปัญหายาเสพติดยังเป็นปัญหาที่สำคัญและทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เหตุการณ์ในพื้นที่ลดลงจากเมื่อก่อนมาก แต่ยาเสพติดมีเยอะมากเหมือนยิ่งปราบยิ่งเยอะ ไม่รู้ทำไม รู้สึกมีความหวังถ้ามีการปราบยาให้หมดจากพื้นที่จริง เพราะมันจะทำให้เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ลดลงด้วย” นายมะหามะยูโซ๊ะกล่าว