ชาวบ้านถูกยิงสาหัสในสายบุรี และพบศพชายมุสลิมในหนองจิก

มารียัม อัฮหมัด และ มาตาฮารี อิสมาแอ
2020.11.23
ปัตตานี และนราธิวาส
201123-TH-deepsouth-violence-800.jpg เจ้าหน้าที่นำสุนัขทหารตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดเหตุวางระเบิดเจ้าหน้าที่สรรพสามิต ริมถนนสายยี่งอ–รือเสาะ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563
มาตาฮารี อิสมาแอ/เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์นี้ ร.ต.อ.อนิวัฒน์ ขอบเพ็ชร รอง สว. สอบสวน สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุยิงชาวบ้านในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพชายมุสลิมหนึ่งราย บนถนนแห่งหนึ่งในอำเภอหนองจิก

ในเหตุการณ์แรก ซึ่งเกิดขึ้นในตอนเช้าตรู่ ร.ต.อ.อนิวัฒน์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวว่า ผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ นายอภิชาต ทองคำศรี อายุประมาณ 49 ปี ภูมิลำเนาบ้านเลขที่ 38/1 ม.3 ต.บ้านน้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี โดยขณะเกิดเหตุ นายอภิชาต ซึ่งขับขี่จักรยานยนต์ ในพื้นที่อำเภอสายบุรี ถูกคนร้ายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมา ยิงด้วยปืนพก จนได้รับบาดเจ็บ

“คนร้ายไม่ทราบชื่อจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืนพก ยิงใส่นายอภิชาต ทองคำศรี ที่ลำตัวจนได้รับบาดเจ็บ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ พลเมืองดี ช่วยนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชสายบุรี” ร.ต.อ.อนิวัฒน์ กล่าว

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบ พบปลอกปืนและกระสุนตกในที่เกิดเหตุ คาดว่าเป็นปลอกกระสุนปืนที่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้ตรวจสอบหาที่มาของอาวุธปืน เพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ส่วนประเด็นและสาเหตุ ร.ต.อ.อนิวัฒน์ ขอบเพ็ชร รอง สว.สอบสวน สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี กล่าวว่ายังอยู่ระหว่างการสืบสวนและสอบสวน โดยไม่ตัดประเด็นการก่อความรุนแรง

ในเหตุอีกรายหนึ่ง ร้อยเวร สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุพบศพบุคคลเสียชีวิตเป็นเพศชาย ซึ่งในเบื้องต้นไม่ทราบชื่อและนามสกุล อยู่ที่บริเวณถนนป่ามะพร้าว บริเวณ ม.6 บ้านสายหมอ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จากการตรวจสอบภายหลังทราบว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายมูฮำมัดอาฟิด เจะเลาะ อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 31/1 ม.6 ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่จึงประสานญาติมารับศพเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นพบมีร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดเข้าที่ลำตัว ส่วนประเด็นสาเหตุ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เช่นกัน

นับตั้งแต่ที่กลุ่มบีอาร์เอ็นประกาศยุติการปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ วันที่ 3 เมษายน 2563 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองสามารถช่วยเหลือประชาชนในช่วงระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ได้โดยปลอดภัย โดยมีเงื่อนไขว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ต้องไม่ปฏิบัติการต่อสมาชิกกลุ่มของตนด้วย หากเจ้าหน้าที่โฆษกกองทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น กล่าวว่า ความเป็นรัฐซึ่งจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งหยุดยิงใด ๆ จากตัวเลขรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า จากวันนั้น ถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 นี้ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีเหตุยิงทั้งหมด 65 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 34 ราย ได้รับบาดเจ็บ 62 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้ต้องหาเสียชีวิตจากการปะทะ 14 ราย ส่วนที่เหลือเป็นทั้งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน

รถสรรพสามิตรอดระเบิดหวุดหวิด

เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.วรพล สุขแก้ว สว. สอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้ง เกิดเหตุระเบิดบริเวณริมถนนทางหลวง 4058 ตันหยงมัส-มะรือโบตก ในพื้นที่บ้านบาโงระนะ ม.5 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่โชคดีที่รถของเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จ.นราธิวาส ขับผ่านที่เกิดเหตุไปเสียก่อน จึงไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

จากการสอบสวนนายเสถียร สรรพพันธ์ หัวหน้าฝ่ายปราบปรามสรรพสามิต จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สรรพสามิต จำนวน 7 คน นั่งโดยสารรถยนต์กระบะ 2 คัน ออกตระเวนตรวจสอบร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายสินค้าหนีภาษี และลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อน โดยนายเสถียรได้นั่งรถยนต์กระบะนำหน้าขบวน เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิดที่ลอบนำไปวางไว้บริเวณจอมปลวก ใกล้กับโคนเสาป้ายสัญลักษณ์บอกทางโค้งริมถนน แล้วเกิดระเบิดขึ้น ในขณะที่รถยนต์กระบะทั้งสองคันกำลังแล่นผ่าน ทำให้สะเก็ดระเบิดถูกที่บริเวณตัวถังของกระบะหลังได้รับความเสียหายเล็กน้อย

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายวิมุตติ อำนักมณี ปลัดอาวุโสรักษาราชการแทนนายอำเภอระแงะ เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอิทธิพลที่เสียผลประโยชน์จากการค้าสินค้าหนีภาษี

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง