นายกฯ สั่งเร่งติดตามตัวคนร้าย ในเหตุระเบิด อ.เทพา สงขลา

ในวันศุกร์นี้ โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยในวันศุกร์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร่งติดตามตัวมือวางระเบิดที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และในอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ มาลงโทษ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและแสดงความห่วงใยประชาชนและเจ้าหน้าที่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ คนร้ายที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ได้ลอบวางระเบิดโจมตีขบวนรถของเจ้าหน้าที่ทหารจนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย ที่ อ.เทพา จ.สงขลา และล่าสุด เกิดระเบิด 2 ครั้ง ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยมีเป้าหมายเป็นทหารพรานนาวิกโยธิน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยในวันนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ติดตามบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด

“นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับ ผอ.รมน. ภาค 4 (ส่วนหน้า) ให้ช่วยเหลือดูแลการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มกำลัง และให้การสนับสนุนช่วยเหลือครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต ในการประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงานโดยไม่ประมาท และติดตามบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมความปลอดภัยของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวม” พล.ท.คงชีพ กล่าว

พล.ท.คงชีพ กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความเสียใจกับกำลังพล และครอบครัวของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบ พร้อมทั้งได้กำชับ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อเกื้อกูลกับความพยายามของรัฐบาลที่กำลังพัฒนา และยกระดับรายได้ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ระมัดระวังการปฏิบัติหน้าที่ช่วงการสับเปลี่ยนกำลังพลมากที่สุด เนื่องจากคนร้ายอาจใช้ช่วงเวลานี้ในการโจมตี

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวผ่านสื่อมวลชนว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดด้านการข่าว และได้ประสานไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ให้กำชับเรื่องนี้ และเรื่องความปลอดภัยเป็นพิเศษแล้ว ขณะเดียวกันชี้ว่า กำลังพลไม่ได้ทำงานหนักเกินไป โดยมีการแบ่งเจ้าหน้าที่เป็นสองชุด เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และสกัดกั้นแนวชายแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้ว

คนร้ายระเบิดทหารพราน 2 ครั้ง ที่บาเจาะ

ในวันเดียวกัน พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก. สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเมื่อเวลาประมาณ 07.50 น. ว่า ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารพราน ที่บริเวณบ้านจำปากอ ม.1 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

“คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดโจมตีชุดปฏิบัติการของทหารพราน กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานนาวิกโยธินกองทัพเรือ ขณะเดินทางไปร่วมประชุมที่กองบังคับการของหน่วยเฉพาะกิจ และลาดตระเวนพื้นที่ ทำให้รถกระบะหุ้มเกราะได้รับความเสียหายเล็กน้อย แต่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ” พ.ต.อ.ดุลยมาน กล่าว

พ.ต.อ.ดุลยมาน ระบุว่า ต่อมาในเวลา 08.23 น. เกิดเหตุระเบิดอีกครั้งห่างจากจุดแรกประมาณ 50 เมตร อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เชื่อว่าทั้งสองครั้ง คนร้ายต้องการก่อเหตุเพื่อสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ

“เหตุระเบิดเกิดขึ้นขณะที่ ร้อยเอกกันหา บุญยงค์ ผบ. กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 2 และกำลังพลใช้รถกระบะหุ้มเกราะเป็นยานพาหนะ เพื่อเดินทางไปร่วมประชุมกองบังคับการของหน่วยเฉพาะกิจ ตรวจสอบระเบิดทั้ง 2 ลูก เป็นชนิดแสวงเครื่อง ลูกแรก และลูกที่สอง ประกอบใส่ถังแก๊สขนาด 5 กิโลกรัม น้ำหนักระเบิด 20 กิโลกรัม จุดระเบิดด้วยวิทยุสื่อสาร ลูกแรกคนร้ายซ่อนไว้ในท่อลอดใต้ถนน ลูกที่สองซ่อนไว้บริเวณจอมปลวกริมถนน อย่างไรก็ตาม ระเบิดทำงานก่อนเวลา ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ” พ.ต.อ.ดุลยมาน กล่าว

ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดขบวนยานยนต์ของกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน.1) ขณะเคลื่อนย้ายกำลังพลกว่า 100 นาย จาก ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ไปสับเปลี่ยนกับกำลังพลของกองพันทหารราบเชิงรุก (พัน.ร.เชิงรุก) ที่ บ้านนูโร๊ะ ม.1 ต.โละจูด อ.แว้ง จ.นราธิวาส โดยเมื่อขบวนรถดังกล่าวผ่านพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา คนร้ายได้จุดชนวนระเบิดโจมตีขบวนรถดังกล่าว เป็นเหตุให้มีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ขณะที่รถยนต์บรรทุกขนาด 2 ½ ตัน (FTS) ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เป็นพาหนะได้รับความเสียหายเล็กน้อย

นราธิวาสรับสมัคร ทสปช. ดูแลความปลอดภัยพื้นที่

ร.อ.ณพัชร พูนขำ ผบ. กองร้อยทหารราบ 15112 หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ปัจจุบัน มีการเปิดรับสมัครบุคคลเข้าเป็นสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) ประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 90 คน โดยมีค่าตอบแทนให้เดือนละ 5,000 บาท มีระยะเวลาการปฏิบัติงาน 1 ปีงบประมาณ เพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยในพื้นที่

“รับสมัครเพื่อปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัย สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และการป้องกันเฝ้าระวังเหตุร้ายในเขตเมืองและงานที่ได้รับมอบหมาย เน้นการพิจารณาทักษะความรู้ความสามารถ สุขภาพร่างกาย และบุคลิกภาพ ซึ่งทุกคนจะต้องไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด จะพิจารณาเป็นพิเศษ เฉพาะในกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันทั้งหมด” ร.อ.ณพัชร กล่าว