ในวันพฤหัสบดี (16 มีนาคม 2560) นี้ น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานสาวของพลทหารวิเชียร เผือกสม ซึ่งเสียชีวิตระหว่างประจำการในค่ายทหาร เมื่อปี 2554 ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อร้องขอให้อัยการสูงสุด มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีหมิ่นประมาท และความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ที่ พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ อดีตผู้บังคับบัญชาของน้าชายเป็นผู้ฟ้องร้อง น.ส.นริศราวัลถ์
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2558 พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ อดีตผู้บังคับบัญชาของพลทหารวิเชียร แจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาทต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอเมืองปัตตานี กล่าวโทษ น.ส.นริศราวัลถ์ ที่ได้โพสต์ข้อความลงสู่อินเตอร์เน็ตว่า มีทหารหลายรายเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร ในระหว่างประจำการที่ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส ในปี พ.ศ. 2554 แต่บางราย ไม่ถูกสั่งพักราชการ และตั้งคำถามว่าเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติหรือไม่ ซึ่งการโพสต์ข้อความได้มีการพาดพิง พ.ต.ภูริ เพิกโสภณ
น.ส.นริศราวัลถ์กล่าวว่า การพิจารณาสำนวนคดีในระดับภาค อัยการจังหวัดนราธิวาส และอธิบดีอัยการภาค 9 ได้มีความเห็นไม่สั่งฟ้องในคดีหมิ่นประมาท และข้อหาการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ แต่ทางรองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเห็นเสนออัยการสูงสุดให้พิจารณาสั่งฟ้องตน ในข้อหาหมิ่นประมาท และการส่งต่อข้อมูลซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
“อัยการประจำจังหวัดนราธิวาสเป็นคนพิจารณา มีความเห็นแล้วส่งให้สำนักงานอัยการภาค 9 ผลสรุปก็คือ อัยการจังหวัด รองอธิบดีอัยการภาค 9 และอธิบดีอัยการภาค 9 มีความเห็นไม่สั่งฟ้องทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อส่งเรื่องต่อให้กับ ศชต. ซึ่งเราก็ได้เข้าไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับท่านแล้ว แต่ท้ายสุดท่านรอง ผบ.ศชต. ท่านเห็นด้วยไม่สั่งฟ้องกรณีนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ แต่มีความเห็นแย้งให้ฟ้องหมิ่นประมาท และส่งต่อข้อมูล พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แล้วส่งต่อให้ อสส. ชี้ขาด จึงมายื่นหนังสือวันนี้” น.ส.นริศราวัลถ์กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
การแจ้งความของ พ.ต.ภูริ ทำให้ น.ส.นริศราวัลถ์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมกุมตัวในวันที่ 26 กรกฎาคม 2559 ขณะกำลังทำงานที่ กรมสวัสดิการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และถูกส่งตัวไปยัง จังหวัดปัตตานี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนได้รับการประกันตัวภายหลัง
น.ส.นริศราวัลถ์ยืนยันว่า การโพสต์ข้อความของตนเองเป็นการนำเสนอข้อมูลเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับพลทหารวิเชียรซึ่งเป็นน้าชาย และไม่ได้เป็นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน จึงจำเป็นต้องเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับคดีที่ตนเองตกเป็นผู้ต้องหา
การเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร และแสวงหาความเป็นธรรม
พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 26 ปี มหาบัณฑิตจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัครเข้าเป็นทหารเกณฑ์ในปี 2554 และระหว่างการฝึกในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 หรือประมาณ 1 เดือน หลังจากการเข้าฝึกได้ถูกทหารครูฝึกทำโทษด้วยการตบหน้า บังคับให้กินพริกสด ลากตัวไปกับพื้นปูน ใช้เกลือทาที่บาดแผล เหยียบหน้าอก และถูกทุบตีด้วยท่อนไม้ไผ่ โดยครูฝึกอ้างว่า พลทหารวิเชียรมีความพยายามที่จะหลบหนี
ในวันที่ 4 มิถุนายน 2554 พลทหารวิเชียรถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการไตวาย เพราะกล้ามเนื้อบาดเจ็บรุนแรง และได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล ในวันต่อมา จากภาพถ่ายที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อและอินเตอร์เน็ตพบว่า สภาพศพของพลทหารวิเชียรมีแผลบวมช้ำทั่วตัว
หลังจากการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียร น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ซึ่งเป็นหลานสาวของพลทหารวิเชียร ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูลการเสียชีวิตของพลทหารวิเชียรผ่านเว็บไซต์พันทิป โดยระบุว่า เธอได้พยายามดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับการเสียชีวิตของน้าชาย โดยในกระบวนการขอความเป็นธรรมนั้น ต้องพบกับอุปสรรคหลายข้อ
น.ส.นริศราวัลถ์ ยังระบุผ่านการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ในงานศพพลทหารวิเชียร หน่วยทหารต้นสังกัดไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดแก่ญาติ แต่เสนอที่จะขอพระราชทานเพลิงศพและคลุมศพด้วยธงชาติ แต่ครอบครัวปฏิเสธ และเรียกร้องให้สืบสวนข้อเท็จจริง
โดย น.ส.นริศราวัลถ์ ได้ทำหนังสือร้องถึงกรมทหารราบที่ 151 ต้นสังกัดของพลทหารวิเชียร กองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งดูแล 3 จังหวัดชายแดนใต้ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่คำร้องไม่ได้รับการพิจารณา
น.ส.นริศราวัลถ์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เรื่องราวดังกล่าวจึงถูกส่งต่อจนถึงแม่ทัพภาคที่ 4 และเกิดการสอบสวน และสั่งลงโทษทางวินัยผู้เกี่ยวข้อง 16 นาย ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งการภาคทัณฑ์ ขัง กักบริเวณ จำขัง และปลด
มารดาของพลทหารวิเชียรได้ยื่นฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนทางละเมิดต่อหน่วยงานต้นสังกัด เนื่องจากเป็นกรณีละเมิดในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2555 โดยเรียกเงินค่าเสียหายจากกองทัพบก 16 ล้านบาท และในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้กองทัพบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของพลทหารวิเชียรเป็นเงิน 7,049,213 บาท
ในทางคดีอาญา การสอบสวนของศาลทหารพบว่ามีทหารผู้ร่วมกระทำผิด 10 นาย ศาลทหารได้ส่งข้อมูลให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาต่อ ก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จนกระทั่ง ป.ป.ท. ชี้มูลความผิดว่า ทหารทั้ง 10 นาย มีความผิดจริงในปี 2558
หลังจาก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิด กองทัพบกได้มีคำสั่งให้พักราชการผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 9 นาย ยกเว้นร้อยโท (ยศในขณะนั้น) ภูริ เพิกโสภณ และพบว่า ร.ท.ภูริ ได้รับการเลื่อนยศเป็นพันตรี น.ส.นริศราวัลถ์จึงพยายามยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ท. และกองทัพบก เพื่อขอให้มีการพักราชการ พ.ต.ภูริ เนื่องจากเกรงว่าหากพันตรีภูริยังปฎิบัติหน้าที่ตามปกติ อาจมีผลต่อรูปคดี จนกระทั่ง พ.ต.ภูริถูกสั่งพักราชการในเดือนมกราคม 2560
ปัจจุบัน การสอบสวนยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดย พ.ต.ภูริ ถูก ป.ป.ท.ชี้มูลความผิดในประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 157 มาตรา 83 และมาตรา 290