ตำรวจแถลงจับยาไอซ์ 120 กก. ยาบ้า 5 ล้านเม็ด ที่นนทบุรี
2017.12.14
กรุงเทพฯ
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวในวันพฤหัสบดี (14 ธันวาคม 2560) นี้ ถึงผลการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ในจังหวัดนนทบุรีเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า สามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าได้ 5.37 ล้านเม็ด และยาไอซ์ 120 กิโลกรัม โดยสรุปผลการปฎิบัติงานว่าในระยะ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดยาไอซ์ได้ 150 กิโลกรัม และยาบ้า 26 ล้านเม็ด รวมเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท
“เป็นยาไอซ์ 120 กิโลกรัม ยาบ้า 5 ล้านกว่าเม็ด ของกลางอย่างอื่นมีหลายรายการ ปืน และรถยนต์ มีการพยายามที่จะลักลอบมาในพื้นที่ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราจับได้ประมาณ 26 ล้านเม็ด คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 4 พันกว่าล้านบาท ส่วนยาไอซ์ 3 ครั้ง รวมกัน 150 กิโลกรัม ประมาณ 130 ล้านบาท” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว
“เชื่อว่ามาจากกลุ่มว้าใต้ ที่มาของยาเสพติดก็มีอยู่ประมาณ 5-6 กลุ่ม พบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองยาเสพติดเมื่อปี 2555 หลังจากนั้นพ้นโทษออกมาก็มาก่อเหตุซ้ำ แต่ละครั้งของล็อตก็จะมีอาวุธติดมาทุกครั้ง ก็เอาไว้ต่อสู้เจ้าพนักงานตำรวจหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จับกุม ซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ เป็นอาวุธสงคราม มากๆก็เอ็ม 16 นั่นแหละ สิ่งเหล่านี้ คือกระบวนการยาเสพติด การจับกุมต่างๆก็ให้ระมัดระวัง แต่ถ้ามีการต่อสู้ก็ให้ป้องกันตัว” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวเพิ่มเติม
การจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผล จากการที่มีสายลับแจ้งว่านายพรเทพ มีนาค และนายเอก (ไม่ทราบสกุล) มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ในพื้นที่ ต.บางกร่าง อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เป็นผู้ค้ารายใหญ่ จำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เครือข่ายมีการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างเป็นระบบ โดยเช่าบ้านเลขที่ 64/157 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกร่าง เป็นที่เก็บยาเสพติด
และในเวลา 23.30 น.ของวันพุธ ชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตที่บ้านเป้าหมายจนพบว่า ผู้ต้องหาได้นำรถยนต์กระบะบรรทุกหลังคาปิดมาจอดหน้าบ้านหลังดังกล่าว และขนย้ายถุงพลาสติกสีดำเข้าไปภายในบ้าน จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น และพบยาบ้ากว่า 5,370,000 เม็ด ยาไอซ์อีกจำนวน 120 กิโลกรัม และพบอาวุธปืนอีกจำนวนหนึ่ง ถูกซุกซ่อนไว้ภายในบ้าน และบนรถกระบะ
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า รับจ้างขนยาเสพติด และได้ซื้อปืนผิดกฎหมาย เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการขนส่งยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย สอบสวนเพิ่มเติม และดำเนินคดีตามกฎหมาย และขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องอื่นๆในอนาคต