เจ้าหน้าที่จับยาไอซ์มูลค่า 1 พันล้านบาท รวบสองผู้ต้องหา

ในวันพฤหัสบดีนี้ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง แถลงข่าวการจับกุมสมาชิกขบวนการขายยาไอซ์ 2 ราย พร้อมของกลางน้ำหนัก 1.4 ตัน มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส นับเป็นการจับกุมยาไอซ์ล็อตใหญ่ที่สุด ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขบวนการจะส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ และ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ร่วมกันเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังกันจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดครั้งนี้ หลังจากทราบความเคลื่อนไหวจากสายข่าวว่าในพื้นที่ จะมีการขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่ด้วยรถบรรทุกเข้ามาผ่านพื้นที่ บ้านปะดาดอ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จึงได้จัดกำลังร่วมสามฝ่าย ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรมูโนะ หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสที่ 30 และ ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอสุไหงโก-ลก ตระเวนตามเบาะแส จนเมื่อถึงเวลาประมาณ 02.30 ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจพบรถบรรทุก 18 ล้อ ขนาดใหญ่ ทะเบียน 70-5331 สุราษฎร์ธานี จอดอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน ซอยบ้านปะดาดอ จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น

จากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบว่า นายสมชาย เทียนเครือ ที่อยู่ 49/7 หมู่ที่ 4 อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นผู้ขับ และ นายคำรณ จันทมณี ที่อยู่ 82/3 หมู่ที่ 2 ตำบลรำแดง อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นผู้โดยสารมากับรถ จากการสอบถามผู้ครอบครองรถ ให้การวกไปวนมามีพิรุธ จึงได้เชิญตัว พร้อมควบคุมรถคันดังกล่าวมาทำการตรวจค้น ที่สถานีตำรวจภูธรมูโนะ ผลการตรวจค้นพบว่า ได้มีการบรรทุกเหล็กเส้น พร้อมกระสอบ จำนวน 35 กระสอบ ตรวจค้นภายในกระสอบ พบยาเสพติดประเภท 1 (ไอซ์) บรรจุมาภายในกระสอบ ๆ ละ 40 แท่ง รวมน้ำหนักยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ 1,420 กิโลกรัม

“ตีมูลค่ากว่าพันล้านบาท ซึ่งเครือข่ายนี้ ค้ายาเสพติดส่งประเทศเพื่อนบ้าน และยังพบในช่วงที่ผ่านมา เครือข่ายค้ายาเสพติด เป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่หลายคดี ซึ่งเป็นภัยแทรกซ้อน” พลโทพรศักดิ์ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ส่วน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวน นายสมชาย และนายคำรณ ในขั้นต้นทราบว่า ได้รับการว่าจ้างให้ขนยาเสพติดดังกล่าวมาด้วยค่าจ้าง 6 แสนบาท ได้นัดหมายกับนายอาแว เมาะบากอ ชาวอำเภอตากใบ เพื่อรับของกลาง และนำไปส่งในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก และลำเลียงส่งต่อประเทศเพื่อนบ้านต่อไป เจ้าหน้าที่จึงได้สนธิกำลังเข้าติดตามจับกุม นายอาแว ทั้งที่บ้านในอำเภอตากใบ และบ้านภรรยาที่อำเภอสุไหงโก-ลก แต่เนื่องจากไหวตัวทันจึงได้หลบหนีไปก่อน ทั้งนี้ นายสมชายให้การเบื้องต้นว่า ขนของกลางทั้งหมดมาจากกรุงเทพฯ โดยได้ดำเนินการครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง

ด้าน พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 4  กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาไอซ์ที่จับได้ล็อตนี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

“เท่าที่ทราบการจับกุมครั้งนี้ น่าจะมากสุดแล้ว และยืนยันว่า กลุ่มดังกล่าวเอื้อประโยชน์กับกลุ่มขบวนการในพื้นที่” พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ความเชื่อมโยงทางท่อน้ำเลี้ยง มันมีความเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว เพราะลักษณะการก่อเหตุ มันใช้กลุ่มโจรมาช่วยในการตอบโต้บ้าง ช่วยในการก่อเหตุเพื่อเปิดทางบ้าง ในระดับผู้ปฏิบัติ ก็คือโจร อย่างเมื่อเดือนที่ผ่านมา เรายังเคยจับกุมสมาชิกกลุ่มขบวนการที่สายบุรีที่มีหมายจับ ปรากฏว่าเจอผู้ที่กำลังเสพยาเสพติดกำลังมึนเมา มีหมาย ป.วิอาญา ในคดีความมั่นคง 3 หมาย ซึ่งชัดเจนว่าเราพบความเชื่อมโยงของกลุ่มยาเสพติด มีความเอื้อเฟื้อประโยชน์กับกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่” พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายฮัสซัม (ไม่ขอออกนามสกุล) แนวร่วมในพื้นที่จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การเกี่ยวข้องกับยาเสพติดนั้น น่าจะเป็นเรื่องของตัวบุคคลมากกว่าขบวนการ

“พวกนี้มักดื่มกระท่อมเพื่อความแข็งแรง ทั้งเวลาทำงานและเวลาปฏิบัติการ ส่วนยาเสพติดประเภทอื่น ยาไอซ์ หรือเสพยาบ้าโดยตรงไม่น่ามี และขบวนยาเสพติดจะมาเอื้อประโยชน์กับกลุ่มบีอาร์เอ็นนั้นก็พูดยาก เราตัวเล็กรู้ข้อมูลบางส่วน อีกหลายส่วนถูกตัดตอนจนเดาไม่ออกเลย” นายฮัสซัม กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ โดยขอสงวนนามสกุล เพื่อความปลอดภัย

การจับกุมยาไอซ์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองในรอบ 7 วัน โดยการจับกุมครั้งก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุมยาเสพติดไอซ์ 250 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พร้อมจับกุมสมาชิกแก๊งค้ายา 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่า มีความเชื่อมโยงกับผู้ก่อความไม่สงบ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่นกัน

ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ หลังการจับกุม พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหาร จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ขบวนการค้ายาเสพติดเริ่มขนส่งลำเลียงยาเสพติด ต่อไปยังประเทศที่สามมากขึ้น เมื่อมีการผ่อนปรน คลายล็อกมาตรการป้องกันโรคโควิด ทำให้การขนส่งเดินทางสะดวกขึ้น