ตำรวจ ปส.จับยาเสพติดล็อตใหญ่ เชื่อมโยงขบวนการป่วนใต้

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช และมารียัม อัฮหมัด
2018.07.23
กรุงเทพ และปัตตานี
180723-TH-drugs-insurgents-1000.jpg ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดขณะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว ชี้ไปยังของกลางยาเสพติดที่ถูกยึดได้ โดยซ่อนมาในถุงปุ๋ย ในอำเภอปะทิว ชุมพร วันที่ 19 ก.ค. 2561
ภาพโดย กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด

ในวันจันทร์นี้ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมยาไอซ์และเฮโรอีนล็อตใหญ่ ซึ่งขบวนการค้ายาเสพติดขนจากภาคอิสาน และวางแผนส่งออกไปยังมาเลเซีย โดยผ่านทางท่าเรือตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจปัตตานี กล่าวว่า พ่อค้ายาเสพติดมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อเหตุไม่สงบ

พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูง กล่าวต่อสื่อมวลชนที่สำนักงาน บช.ปส. ว่า ในระหว่างวันที่ 11 ถึง 23 กรกฎาคมนี้ เจ้าหน้าที่จับตัวผู้ต้องหาจำนวน 16 คน ใน 5 คดี ในพื้นที่ภาคอิสาน ภาคเหนือ จรดภาคใต้ โดยได้ยึดของกลางเป็นยาบ้า 9.8 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 450 กิโลกรัม เฮโรอีน 77 กิโลกรัม โคเคน 1.654 กิโลกรัม และกัญชาอีก 706 กิโลกรัม

ด้าน พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีที่สำคัญ คือ คดีที่เกิดในช่วงวันที่ 19 ถึง 20 กรกฎาคม โดยผู้ต้องหาชายไทย ใช้รถบรรทุกและรถกระบะ ขนส่งยาไอซ์ 400 กิโลกรัม และเฮโรอีน 77 กิโลกรัม จากภาคอิสาน แต่ถูกจับกุมได้ส่วนหนึ่งที่จุดตรวจยาเสพติดในอำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร 3 ราย ก่อนที่ขยายผลจับกุมไปยังพื้นที่อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ได้อีกหนึ่งราย และที่อำเภอทุ่งสง นครศรีธรรมราช ได้อีกสองราย

“ตรวจสอบรถต้องสงสัยเป็นถุงปุ๋ยอัดเข้ามาเป็นจำนวนมาก พบว่าเป็นยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงปุ๋ยจำนวน 400 กิโลกรัม และเฮโรอีน 400 ก้อน น้ำหนัก 77 กิโลกรัม” พล.ต.ต.กิตติ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในวันนี้

“จากการสอบสวนพบว่า ยาเสพติดล็อตนี้ เป็นการดำเนินการในรอบที่สองหรือสาม เพื่อนำส่งที่(ท่าเรือ) ตากใบ จ.นราธิวาส แต่เราจับได้ก่อนที่หาดใหญ่ และสามารถสืบสวนขยายผล จนจับกุมคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการขนส่งลำเลียง (ผ่านระบบ GPS) ได้ที่ได้ที่นครศรีธรรมราช” พล.ต.ต.กิตติ กล่าวเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ บช.ปส. ได้ระบุราคาเสพติดชนิดต่างๆ ไว้ในก่อนนี้ ดังนี้ ยาไอซ์ราคากิโลกรัมละ 1 ล้านบาท เฮโรอีนกิโลกรัมละ 1 ล้านบาท ยาบ้า ราคาเม็ดละ 200 บาท และยาอี ราคาเม็ดละ 500 บาท

ขบวนการค้ายาเสพติดเชื่อมโยงขบวนการป่วนใต้

พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานีและอดีต ผอ.กองข่าวภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่าแก่เบนาร์นิวส์ ในวันนี้ว่า ขบวนการค้ายาเสพติด ได้เอื้ออำนวยผลประโยชน์กับขบวนการก่อเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มานาน

"ขบวนการยาเสพติดกับขบวนการก่อความไม่สงบจากหลักฐานที่ได้หลายครั้ง สามารถยืนยันได้ว่ามีส่วนเกี่ยวโยงกัน พวกเขาเอื้อประโยชน์กัน รวมทั้งครั้งนี้ แต่การติดตามหาหลักฐานของขบวนการเหล่านี้มีความซับซ้อนยากลำบาก และมีการตัดตอน ดังนั้นการใช้กฏหมายร่วมกัน ก็จะสามารถทำให้พบข้อมูลได้” พล.ต.จตุพร กล่าว พร้อมทั้งได้ยกตัวอย่างข้อมูลที่เกิดขั้นใน ปี 2556 ว่ามีพ่อค้ายาจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้แก่กลุ่มก่อเหตุชายแดนใต้ ฟอกเงิน หรือจ้างวานให้ยิงสังหารคู่กรณีเมื่อเกิดความขัดแย้งในการค้ายาเสพติด

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในปี 2556 ได้มีการจับกุมขบวนการยาเสพติด จับพ่อค้ายาเสพติดรายหนึ่งที่สุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส คือนายมะ โคลัมเบีย เขายอมสารภาพว่าได้จ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับผู้ก่อเหตุหลายครั้ง ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่รับเงินไป คือ นายมาหามะสิดิก อาลี และนายมะคอยรี สือแม ซึ่งคนกลุ่มนี้ เขาเปิดโรงเรียนสอนอ่านคัมภีร์อัลกุรอานบังหน้าอยู่ในประเทศมาเลเซีย” พล.ต.จตุพร กล่าว

“พวกเขาจะใช้ช่องทางการบริจาคและใช้ขบวนการฟอกเงิน โดยใช้เครือข่ายเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง เป็นผู้ดำเนินการผ่านขบวนการโอนเข้าบัญชีขององค์กรการกุศลบังหน้า สมมุติว่าเขาโอนเงินมาหนึ่งล้านบาท องค์กรการกุศลก็จะได้สองแสนบาท ขบวนการเอาไปแปดแสน นี่คือกระบวนการการฟอกเงิน" พล.ต.จตุพร อธิบาย

นอกจากนั้น พล.ต.จตุพร กล่าวอีกว่า มีกรณีฝ่ายขบวนการรับจ้างเป็นมือปืนสังหารพ่อค้ายาเสพติด เมื่อมีการโกงเกิดขึ้น ซึ่งยังเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นไปสู่เรื่องความมั่นคง แทนที่จะเป็นการขัดผลประโยชน์ในการค้ายาเสพติด และพยายามทำให้เห็นว่ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้

“เรื่องเกิดขึ้นในเรือนจำซึ่งมีนักโทษของคดีความมั่นคงไปคุยกับนักโทษค้ายาเสพติด เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ โดยให้ขบวนการติดตามทวงหนี้ ทำร้ายลูกหนี้ และอำพรางในการก่อเหตุรุนแรง ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมุ่งเป้าในเรื่องของคดีความมั่นคง” พล.ต.จตุพร กล่าว

เมื่อวันต่อต้านยาเสพติดโลก ในปีนี้ พล.ต.ท.สมหมาย ผบ.บช.ปส. ได้ระบุถึงความเชื่อมโยงของขบวนการทั้งสองเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่สามารถระบุรายละเอียดลงไปได้ และยังได้ระบุว่า การค้ายาเสพติดที่ผลิตในประเทศพม่า ซึ่งถูกลำเลียงไปยังมาเลเซียเพื่อส่งออกไปยังตลาดประเทศที่สามนั้น เป็นการร่วมมือของขบวนการค้ายาคนไทยกับนายทุนแก๊งค์ 14K ในประเทศมาเลเซีย

“แก๊ง 14K เป็นนายทุนใหญ่ที่เรากำลังจับตาดูอยู่ สามเหลี่ยมทองคำบริหารยาเสพติดด้วยระบบ 14K เพราะ 14K มีเครือข่ายทั่วโลก ยังไม่รวม เฮล แองเจิล และแบนดิดอส” พล.ต.ท.สมหมาย ระบุ

ในวันเดียวกันนั้น พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผู้บังคับการ ฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด ได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า แก๊งค์ 14K มาจากการรวมตัวกันของคนจีน 14 คน ซึ่งอาศัยในที่ต่างๆ รวมถึง เกาลูน และไต้หวัน ใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษดีเยี่ยม จึงสามารถต่อยอดในการกระจายยาเสพติดจากสามเหลี่ยมทองคำไปทั่วภูมิภาคของโลก

สำหรับผลการปราบปราม ในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 2560 - 23 ก.ค. 2561) นี้ สามารถจับกุมได้แล้ว 1,705 คดี ยึดทรัพย์สินได้ 134.53 ล้านบาท ในขณะที่ในปีงบประมาณ 2559 และ 2560 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 456 และ 453 คดีตามลำดับ และยึดทรัพย์ได้ใกล้เคียงกันที่ประมาณ 345 ล้านบาท

ในวันต่อต้านยาเสพติดโลก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ทางการไทยได้เผาทำลายยาเสพติดของกลางที่คดีสิ้นสุดแล้วกว่า 7,000 คดี คิดเป็นน้ำหนักมากกว่า 14 ตัน มูลค่ากว่า 13,697 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกัญชา 8.4 ตัน และยาเสพติดประเภทยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีนรวมกันอีกกว่า 6.3 ตัน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง