องค์กรสิทธิฯ ตั้งข้อสงสัยการควบคุมตัว อส. ในชายแดนใต้
2019.06.19
ปัตตานี
ในวันพุธนี้ องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ เรียกร้องให้ทหารย้ายตัว อาสาสมัครรักษาดินแดนที่ถูกทหารควบคุมตัว ในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการลอบยิงผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านบันนังกูแว และประธานสภา อบต.ท่าธง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ไปอยู่ภายใต้การสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเป็นที่สงสัยว่า ผู้ต้องสงสัยจะเผชิญความยุติธรรมภายใต้กฎอัยการศึกหรือไม่
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามฝ่ายสนธิกำลัง ได้จับกุมตัว นายอับดุลฮากิม ดาราเซะ สมาชิกกองอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ที่บ้าน ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากนั้นได้ขยายผลจับกุมตัวนายไซมาวี แวกาลอ ในวันจันทร์ หลังจากที่ถูกนายอับดุลฮากิม ซัดทอดว่านายไซมาวี มีส่วนร่วมในการลอบยิงเจ้าหน้ารัฐทั้งสองด้วย
อับดุลฮากิม “ถูกสงสัยว่า มีส่วนในการฆาตกรรมชาวมุสลิมมลายูหลายราย ทั้งชายและหญิงที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น” นายสุณัย ผาสุก เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส ขององค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำภาคพื้นเอเชีย กล่าว
กลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ใหญ่และมีกำลังปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ สี่อำเภอในจังหวัดสงขลา มีชายแดนติดกับประเทศมาเลเซีย ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมมลายู นับตั้งแต่กลุ่มก่อความไม่สงบปล้นปืนกว่าสี่ร้อยกระบอกไปจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในอำเภอเจาะไอร้อง นราธิวาส ในวันที่ 4 มกราคม 2547 จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบและเหตุรุนแรงอื่นๆ ประมาณ 7,000 คนแล้ว
การจับกุมนายอับดุลฮากิม จุดความหวังว่า รัฐบาลไทย “ในที่สุดก็เริ่มจริงจังเกี่ยวกับการละเมิดจำนวนมาก ที่ดำเนินการโดยฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้” นายสุณัย กล่าว
แต่นายสุณัย ยังตั้งคำถามถึงการที่ฝ่ายทหารได้ควบคุมตัว อส.อับดุลฮากิม โดยอ้างกฎอัยการศึกเพื่อสอบสวนเขาเกี่ยวกับอาวุธที่ยึดมาได้ แทนที่จะส่งต่อให้ตำรวจเป็นฝ่ายดำเนินการสอบสวน
“จากการกระทำดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหาเขาได้ จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีการสอบสวนคดีฆาตกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น” นายสุนัยกล่าว
นายสุณัยยังตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มก่อความไม่สงบบีอาร์เอ็น ได้หยิบยกการกล่าวหา อส.อับดุลฮากิม ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด "มาสร้างความชอบธรรมในการแก้แค้นของฝ่ายตน"
อาสาสมัครคนนี้ไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่รัฐบาลยังไม่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแม้แต่คนเดียว ในการสังหารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย การบังคับให้สูญหาย การทรมาน รวมถึงการกระทำอื่น ๆ ต่อชาวมุสลิมมลายู ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
“รัฐบาลควรดำเนินการขั้นสำคัญ ในการทำลายวงจรความรุนแรงนี้ โดยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารย้ายตัว อส.อับดุลฮากิม ไปอยู่ในการดำเนินคดีของฝ่ายตำรวจ เพื่อการสอบสวนคดีอาญาที่โปร่งใสและเป็นธรรม และเป็นการดำเนินคดีตามหลักฐานประกอบจริง โดยไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ” นายสุนัยกล่าว
ถูกต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในการสังหาร
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอง อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และ พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามฝ่ายได้จับกุมตัว นายอับดุลฮากิม ดาราเซะ สมาชิกกองอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จากนั้นได้ขยายผลจับกุมตัว นายไซมาวี แวกาลอ ต่อมาในวันจันทร์ หลังจากที่ถูกนายอับดุลฮากิม ซัดทอดว่านายไซมาวี มีส่วนร่วมในการลอบยิงบุคคลทั้งสอง ในสองเหตุการณ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม และ 22 พฤษภาคม ตามลำดับ
พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา กล่าวว่า ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหากับนายอับดุลฮากิม
"ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะเขาเกี่ยวกับอาวุธสงครามด้วย เขาก็เลยจับกุมตามกฎอัยการศึกก่อน น่าจะแจ้งข้อกล่าวหาในอีก 2-3 วัน ครบตามกฎอัยการศึกก็คงจะแจ้งข้อกล่าวหา" พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา กล่าวแก่เบนานิวส์ เมื่อวันจันทร์
พ.ต.อ.ธีรพจน์ ยินดี และพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ได้พูดคุยกับเบนาร์นิวส์ ในวันจันทร์ ก่อนที่องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ จะออกแถลงการณ์ ในวันพุธนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายอับดุลฮากิม ส่งต่อหน่วยซักถาม ฉก.ทพ. 41 ต.วังพญา อ.รามัน ยะลา ส่วนนายไซมาวี ถูกควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร ปัตตานี เพื่อดำเนินการซักถามต่อไป
ในการตรวจค้นบ้านของนายอับดุลฮากิมที่ ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธปืน เอ็ม.-16 เอ-4 หมายเลข 1862530 จำนวน 1 กระบอก ซองกระสุนขนาดบรรจุกระสุน 30 นัด จำนวน 1 ซอง และกระสุนปืนขนาด 5.56 จำนวน 25 นัด พร้อมกับอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน จำนวน 36 นัด
“ตอนเกิดเหตุ แม่ทัพก็สั่งให้รวบรวมวัตถุพยานกล้องวงจรปิด เก็บพยานที่เกิดเหตุ พยานบุคคลก็มีเยอะแยะ เขาก็คงให้การที่เป็นประโยชน์” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ ในวันจันทร์
“จริงๆ แล้วคนที่รู้ดี คือ ผู้ใหญ่บ้าน คราวที่แล้ว เราไปพบกับทางผู้ใหญ่ แล้วไปเยี่ยมเด็กๆ ที่บาดเจ็บ ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีใครยอมรับได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม ก็ต้องว่าไปตามมาตรการทางกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติและเป็นทางออกที่ดี” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวเพิ่มเติม