ศาลปัตตานีตัดสินรอลงอาญาภรรยาม่ายกลุ่มขบวนการ

มารียัม อัฮหมัด
2020.09.04
ปัตตานี
200904-TH-insurgent-widow-1000.jpg นางสาวม๊ะซง อาลี ภรรยาม่ายของนายอาหามะ จาจ้า คนร้ายที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตเมื่อกลางเดือนสิงหาคมนี้ แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ที่ตรวจค้นบ้านพักในตำบลปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี วันที่ 4 กันยายน 2563
เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ในจังหวัดปัตตานี กล่าวในวันศุกร์นี้ว่า ศาลปัตตานีได้พิพากษาจำคุก นางสาวม๊ะซง อาลี ภรรยาม่ายของสมาชิกขบวนการก่อความไม่สงบ ในฐานให้การสนับสนุนผู้ก่อความไม่สงบ เป็นเวลา 5 เดือน แต่ศาลได้รอลงอาญาเป็นเวลาสองปี และปรับเป็นเงิน 15,000 บาท

พ.ต.อ.ทศพล สาราพฤกษ์ ผู้กำกับ สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เปิดเผยว่า น.ส.ม๊ะซง อาลี อายุ 48 ปี เป็นภรรยาของนายอาหามะ จาจ้า คนร้ายที่เจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตในการการปะทะกันในพื้นที่บ้านบือแนจือแร่ ตำบลกำลำ อำเภอยะรัง ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดย น.ส.ม๊ะซง ถูกลงโทษฐานกระทำความผิดตามมาตรา 189 ประมวลกฎหมายอาญา ฐานให้การช่วยเหลือคนร้าย และฝ่าฝืนประกาศ กอ.รมน.ภาค 4 สน. เรื่องการจดทะเบียนซิมการ์ด ห้ามมิให้ผู้อื่นใช้

"ศาลพิพากษาให้ลงโทษ ทั้ง 2 ข้อหา คือ จำคุก 10 เดือน ปรับ 30,000 บาท แต่จำเลยยอมรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือจำคุก 5 เดือน ปรับ 15,000 บาท สำหรับโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี” พ.ต.อ.ทศพล กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ นายอาหามะ จาจ้า เป็นหนึ่งในคนร้าย 7 คน ที่เสียชีวิตจากการปะทะในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ติดตามไล่ล่าคนร้ายมาตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม ศกนี้ หลังเกิดเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และปัตตานี เมื่อหนึ่งวันก่อนหน้านั้น โดยนายนายอาหามะ จาจ้า ถูกยิงตายในวันที่ 16 สิงหาคม นี้

ในวันนี้ พ.ต.อ. ทศพล ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ต.โสร่ง ร่วมกับกองกำกับการสืบสวนภูธร จ.ปัตตานี และ จนท.ฉก.ทพ.22 ได้ไปเชิญตัว น.ส.ม๊ะซง อาลี ที่อยู่ 24/2 ม.4 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี หลังสืบทราบข่าวได้ความว่า น.ส.ม๊ะซง ให้ความช่วยเหลือสามี ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มก่อความไม่สงบ

"เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวเพื่อมาสอบปากคำที่ สถานีตำรวจ สภ.โสร่ง เนื่องจากเป็นผู้จดทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์ อยู่ในกระเป๋าเสบียงของนายอาหามะ จาจ้า คนร้ายที่เสียชีวิตจากการปะทะ เมื่อ 16 สิงหาคม" พ.ต.อ.ทศพล กล่าวเพิ่มเติม

จากการสอบถามข้อมูลในเบื้องต้น น.ส.ม๊ะซง ให้การว่า ตนเองเป็นภรรยานายอาหามะ จาจ้า ซึ่งได้รับสารภาพว่าตนเองและนายอาหามะ แต่งงานอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยา มาตั้งแต่ปี 2553 มีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่ได้ป่วยและเสียชีวิตลง หลังจากนั้น นายอาหามะ ได้หลบหนีออกจากบ้านพัก เนื่องจากเริ่มมีการนำรูปภาพของนายอาหามะ มาติดบริเวณใกล้บ้าน แต่ยังมีการติดต่ออยู่สม่ำเสมอ

“เขายอมรับว่าคอยให้การสนับสนุนนายอาหามะ ด้วยการส่งของ ซื้อซิมการ์ด และสิ่งของอื่นๆ ด้วยอยู่ตลอดเวลา และบางครั้งนายอาหามะ ได้เดินทางมานอนที่บ้านของเขา ประมาณ 2–3 วัน โดยเดินทางมาช่วงเที่ยง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ รัฐ จะพักรับประทานอาหารกลางวัน อีกทั้งประมาณสิ้นเดือน พ.ค. 63 ที่ผ่านมา ได้ซื้อซิมการ์ด ส่งมอบให้กับนายอาหามะ ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง ต.ลุโบะยิไล อ.มายอฯ - ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง และใช้ติดต่อกันเรื่อยมา” พ.ต.อ.ทศพล กล่าว

พ.ต.อ.ทศพล กล่าวอีกว่า น.ส.ม๊ะซง ติดต่อกับนายอาหามะ ในคืนวันที่ 13 ส.ค. 63 เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่นายอาหามะจะเสียชีวิต

ด้าน น.ส.ม๊ะซง กล่าวว่าตนทราบข่าวการเสียชีวิตของสามี จากภาพที่แชร์ทางสื่อออนไลน์ ซึ่ง น.ส.ม๊ะซง จำสามีตนเองได้ และได้ไปร่วมรับศพ

“ได้คุยกันครั้งล่าสุดก่อนที่เขาจะตาย ก็ถือว่าทุกอย่างถูกกำหนดมาแบบนี้ ที่เกิดขึ้นกับเราและเขา” น.ส.ม๊ะซง กล่าว และระบุว่า จะไม่อุทธรณ์คดี

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยรายอื่นอีก 3 คน ซึ่งคาดว่ามีส่วนให้การสนับสนุนคนร้ายกลุ่มที่ถูกกรณีวิสามัญฆาตกรรม 7 ศพนั้น อีกด้วย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่นายหนึ่ง กล่าวว่า การเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ถูกวิสามัญฯ นั้น เนื่องมาจากผลการตรวจสอบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ยึดได้จากศพของผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงนำไปตรวจสอบ ปรากฏว่าใช้ชื่อของญาติหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้จดทะเบียนซิมการ์ดให้ เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเชิญตัวไปสอบปากคำตามกฎหมาย เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง