ศาลฎีกาพิพากษายืนคุกจตุพร 12 เดือน หมิ่นอภิสิทธิ์ คดีสุดท้าย
2017.12.14
กรุงเทพฯ
ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันพฤหัสบดีนี้ โดยตัดสินจำคุก นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ใน 2 กระทง เป็นเวลา 2 ปี จากการปราศรัยหมิ่นประมาท นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2552 เป็นคดีสุดท้าย แต่ศาลเห็นว่าจำเลยสืบความเป็นประโยชน์จึงให้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือกระทงละ 6 เดือน รวมเป็น 12 เดือน
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ถูกนำตัวจากเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ มายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในสภาพซูบผอม น้ำหนักลดลงจากก่อนถูกควบคุมตัวถึง 28 กิโลกรัม เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร ในฐานะจำเลย จากกรณีที่นายจตุพรขึ้นปราศัยบนเวทีชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 กล่าวหานายอภิสิทธิ์ว่า ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา และกล่าวหานายอภิสิทธิ์ ในลักษณะว่า เป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
“ที่จำเลยฎีกาว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นโดยสุจริตนั้น แต่จากคลิปวิดีโอ และสำเนาการถอดเทปการปราศรัยของนายจตุพรทั้งสองครั้ง ฟังได้ว่าจำเลยได้ปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ มีจุดประสงค์ให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาททำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ
“เป็นการใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง เป็นการกระทำผิดตามฟ้องศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบา และรอลงอาญานั้น เมื่อพิจารณาเเล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยมีลักษณะพาดพิง หมิ่นเหม่กระทบสถาบันฯ ไม่ควรรอการลงโทษให้ยกฎีกา” ตอนหนึ่งของคำพิพากษาศาลฎีกา
อย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นว่า การยอมรับว่าเป็นผู้กล่าวคำปราศรัยดังกล่าวจริง เป็นการให้การอันเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงเห็นควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาเเก้โทษจำคุกจำเลย คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 12 เดือน
ซึ่งในคดี อ.4176/2552 ดังกล่าว ของวันพฤหัสบดีนี้ ศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก นายจตุพรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 แล้ว รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และไม่รอการลงโทษ เนื่องจากเห็นว่า ประโยคปราศรัยที่นายจตุพรกล่าวว่า “เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นที่สุด” เป็นการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ มิใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ในวันที่ 10 มิถุนายน 2559 แต่ทนายความของจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท ประกันตัวระหว่างที่นายจตุพรฎีกาสู้คดี ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
โดยคดีนี้ ถือเป็นคดีที่ 4 ที่นายอภิสิทธิ์ ยื่นฟ้องนายจตุพรข้อหาหมิ่นประมาท
ในคดีอื่นๆ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2560 ศาลฎีกาได้พิพากษาจำคุกนายจตุพร เป็นเวลา 1 ปี ในคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพรในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332 โดยคำพิพากษาระบุว่า นายจตุพรมีความผิดจริงตามฟ้องให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ทำให้นายจตุพรถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ นับตั้งแต่นั้น
ส่วนในอีก 2 คดี ก่อนหน้าการตัดสินคดีในวันนี้ ศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายจตุพร 6 เดือน แต่รอลงอาญา 2 ปี ในคดี อ.1008/2553 และ ศาลพิพากษาให้จำคุกนายจตุพร 6 เดือน และปรับเงิน 5 หมื่นบาท แต่รอการลงโทษ 2 ปี ในคดี อ.404/2552
ดังนั้น ปัจจุบัน คดีข้อหาหมิ่นประมาทระหว่างนายอภิสิทธิ์-จตุพร ถือเป็นที่สิ้นสุดแล้วทั้ง 4 คดี โดยนายจตุพรจะต้องถูกจำคุกรวม 1 ปี 12 เดือน จากความผิดทั้งหมด โดยปัจจุบัน นายจตุพรถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ มาแล้วเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน