พ่อค้าแม่ค้าย่านปาดังเบซาร์วอนรัฐช่วย หลังคนไทยถูกจับในมาเลย์

มารียัม อัฮหมัด
2019.10.21
ปัตตานี
191021-TH-workers-border-1000.jpg คนงานไทยเดินออกจากท่าเรือข้ามฟาก หลังจากข้ามฝั่งมา ที่ชายแดนอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2558
เอเอฟพี

ในวันจันทร์นี้ พ่อค้าแม่ค้าย่านปาดังเบซาร์ ในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ได้ร้องขอให้ทางการไทยช่วยเหลือญาติๆ รวม 26 คน ที่ถูกทางการมาเลเซียจับกุมตัวไปตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพราะเข้าไปทำงานค้าขายในฝั่งรัฐปะลิสโดยไม่มีเวิร์คเพอร์มิท หรือใบอนุญาตทำงาน

นายอาดือนัน มีนา สามีของผู้ถูกจับกุมตัวรายหนึ่ง กล่าวว่า ภรรยาของตนถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซียจับกุมตัวไปจากร้านค้าที่ พลาซ่า ปาดัง แวร์เฮาส์ ในฝั่งมาเลเซียติดชายแดนด่านปาดังเบซาร์ ต.ปาดังแบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งที่นั่นมีคนไทยบ้างก็ไปเปิดร้านขายของโดยใช้ชื่อคนมาเลเซียจดทะเบียนร้านแทน หรือบ้างก็ไปเป็นลูกจ้างค้าขายในร้าน กว่า 200 คน

"ปัญหานี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่มาเลย์มาตรวจบริเวณพลาซ่า แล้วจับแม่ค้าที่ขายของไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงาน ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยพวกเราทั้งหมดออกมาด้วย และช่วยคุยกับมาเลเซียให้พวกเราทำเวิร์คเพอร์มิทได้ ที่ผ่านมาพวกเราทำไม่ได้ เพราะไม่มีทะเบียนร้าน" นายอาดือนัน กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“ตอนนี้ หลังจากที่เมียถูกจับ ลูกอายุ 9 เดือน ร้องไห้หาแม่ทุกวัน และยังมีลูก 2 ปี ด้วยที่ต้องดูแล ส่วนลูกอีก 3 คน ดีหน่อยโตๆ แล้วช่วยตัวเองได้” นายอาดือนันกล่าวเพิ่มเติม

นายอาดือนัน อธิบายว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากร้านที่คนไทยไปเปิดกิจการนั้น ต้องใช้ชื่อคนมาเลเซียเป็นเจ้าของแทน ในขณะที่คนไทยเข้าไปขายของเอง ซึ่งไม่สามารถขอทำเวิร์คเพอร์มิทได้ดังกล่าว เพราะร้านไม่ได้เป็นชื่อของคนไทย

“ที่ผ่านมา เวลาโดนจับ ไม่มีเวิอร์คเพอร์มิท พ่อค้าแม่ค้าจะต้องจ่ายค่าปรับ คนละ 4 หมื่นบาท แต่ครั้งนี้ ยังไม่แน่ใจ ว่าเขาจะให้ทำอย่างไร ถ้าต้องจ่ายอีกตอนนี้ขายของก็ไม่ไหวแล้ว ขณะนี้ เจ้าหน้าที่มาเลเซีย ไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม” นายอาดือนัน กล่าว

ทั้งนี้ นายอาดือนัน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซีย ได้ควบคุมตัวพ่อค้าแม่ค้าไปด้วยกันทั้งหมด 33 คน ก่อนที่จะปล่อยตัวออกมาแล้ว 7 คน เหลืออีก 26 คน ข้อหาไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือเวิร์คเพอร์มิท จึงทำให้ร้านกว่า 100 ร้าน ที่ไม่มีทะเบียนร้านอย่างถูกต้องต้องปิดร้านลง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นายหนึ่ง กล่าวว่า เรื่องการตรวจของมาเลย์น่าจะเป็นผลต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดหลักฐานเป็นภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งบันทึกได้ที่ปาดังเบซาร์ ฝั่งรัฐปะลิส ของมาเลเซีย แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่มาเลเซียรับส่วย และอนุญาตให้พวกค้าของเถื่อนทั้งจากฝั่งไทยและมาเลเซีย ขนย้ายสินค้าข้ามพรมแดน โดยช่วงเวลาที่มีการลักลอบขนสินค้า คณะกรรมาธิการต่อต้านการคอร์รัปชั่นมาเลเซีย (Malaysia Anti-Corruption Commission – MACC) จึงได้ออกมาแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.62 ที่ผ่านมา พร้อมมีการตำหนิเจ้าหน้าที่ที่ดูแลพรมแดน ที่ปล่อยให้มีการลักลอบค้าของเถื่อนข้ามพรมแดนระหว่างมาเลเซียกับไทย

“น่าจะทำให้มีการตรวจเพิ่มเติม แต่มาเจอกรณีไม่มีเวิอร์คเพอร์มิท จึงจับไปก่อนตามกฎหมายมาเลจะผลักดันกลับ" เจ้าหน้ารายดังกล่าว กล่าวแก่เบนาร์นิวส์โดยไม่ประสงค์จะออกนามเพราะไม่ได้มีอำนาจโดยตรง

ในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ MACC กล่าวว่า ภาพที่เห็นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โดย MACC เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 60 จนถึงปัจจุบัน และมีการตรวจสอบข้อมูลแล้ว จึงนำออกเปิดเผยต่อสาธารณะ มีการส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตามที่ปรากฏอยู่ในคลิปด้วย ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจนำเรื่องนี้ออกมาเปิดเผย เพราะเห็นว่าปัญหาการคอร์รัปชั่นอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้ เพราะภาพที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่า สิ่งของต่างๆ สามารถขนข้ามพรมแดนได้อย่างง่ายดาย จึงอาจมีการเคลื่อนย้ายสัตว์ ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งการค้ามนุษย์ได้

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไทยได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้หารือกันอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

เพราะกังวลว่า อาจเป็นช่องทางในการเคลื่อนย้ายบุคคลหรืออาวุธ เพื่อเข้ามาก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ นอกจากนั้นยังมีข้อมูลว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย อาจได้รับเงินสนับสนุนจากเครือข่ายขนสินค้าเถื่อนข้ามแดนอีกด้วย" เจ้าหน้าที่รายเดียวกันกล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง