ศาลรัฐธรรมนูญเป็นองค์กรชี้ขาดสภาพ ส.ส. ของ นวัธ เลขาสภาฯ ระบุ
2019.09.25
กรุงเทพฯ
ในวันพุธนี้ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นหน่วยงานที่มีสิทธิชี้ขาด สภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย หลังจากวานนี้นายนวัธถูกศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษประหารชีวิต จากความผิดฐานจ้างวานฆ่า นายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยแก่สื่อมวลชนว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 15 คน ประชุมเพื่อพิจารณา กรณี สถานะ ส.ส.ของนายนวัธ ซึ่งแม้เสียงส่วนมากของที่ประชุมจะเห็นว่า นายนวัธควรพ้นสภาพ ส.ส. แต่ก็ชี้ว่า องค์กรที่มีสิทธิชี้ขาดคือ ศาลรัฐธรรมนูญ มิใช่สภาผู้แทนราษฎร
“เสียงข้างมาก 11 เสียงเห็นว่า ต้องพ้นจากสถานะ ส.ส. ส่วนเสียงข้างน้อยอีก 4 เสียงเห็นว่า ยังไม่พ้นสถานะเป็น ส.ส. แต่สิ่งที่ทุกเสียงเห็นตรงกันคือ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการชี้ขาดเรื่องการสิ้นสุดสถานะ ส.ส. แต่เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัย เพราะไม่มีข้อกฎหมายใดระบุให้สภาฯ เป็นผู้ชี้ขาดเรื่องสถานะ” นายสรศักดิ์ กล่าว
“ช่องทางที่จะส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้คือ การให้ ส.ส.หรือ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภาเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 1 หรืออีกช่องทางคือ หาก กกต.มีข้อสงสัยเรื่องการสิ้นสภาพสถานะ ส.ส.สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ ดังนั้นจะนำข้อสรุปของทีมกฎหมายรายงานให้นายชวนทราบในวันที่ 26 กันยายน ต่อไป" นายสรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ในความเห็นของตนเองนายนวัธ สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. ทันทีหลังมีคำพิพากษา แม้เป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้นก็ตาม โดยขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องแจ้งมายังรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าวต่อไป
“ก็ตรงไปตรงมา เมื่อมีคำพิพากษาว่า มีความผิดอาญา แม้แต่จะรอการลงโทษก็ยังไม่ได้ ก็จบไปตามนั้น ไม่ต้องสิ้นสุดคดี ถ้าเป็นเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งจะต้องนำมาคำนวณ (บัญชีรายชื่อ) ถ้าเรื่องอื่นไม่ต้องมาคำนวณ” นายวิษณุ กล่าว
ทั้งนี้ ในวันอังคารที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.929/61 ซึ่งพนักงานอัยการ จ.ขอนแก่น เป็นโจทก์ ฟ้อง นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส. จังหวัดขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ในข้อหาก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาระบุว่า พยานให้การสอดคล้องเชื่อมโยงกันรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริง จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 ให้ลงโทษประหารชีวิต และชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป
คดีนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 มีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุใช้ปืนยิงนายสุชาติ โคตรทุม ปลัด อบจ.ขอนแก่น เสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 198/45 หมู่บ้านจอมพล ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้ 5 คน คือ ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล, พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม, นายประพันธ์ ศรีพิลัย, นายบุญช่วย จูงกลาง และนายปิยะพงษ์ มีกำบัง เป็นจำเลยที่ 1-5
คดีเข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ กระทั่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.ท.สมจิตร จำเลยที่ 3 และยกฟ้องนายปิยะพงษ์ จำเลยที่ 5 ส่วนจำเลยอีก 3 คนที่เหลือให้จำคุกตลอดชีวิต ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนทราบว่า คดีนี้ นายนวัธ เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง สาเหตุมาจากเรื่องชู้สาว ในวันที่ 3 เมษายน 2561 จึงได้ออกหมายจับนายนวัธ ในข้อหากระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทั่งนำมาสู่การตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิตของศาลชั้นต้นวานนี้