ชัยวัฒน์และพวกเข้ามอบตัว ปฏิเสธข้อหาฆ่าบิลลี่
2019.11.12
กรุงเทพฯ

ในวันอังคารนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกรวม 4 คน เดินทางมามอบตัวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) หลังจากวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับคนทั้งหมดในข้อหาร่วมกันฆ่า ปล้นทรัพย์ และอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ และได้ประกันตัวในวงเงิน 8 แสนบาทต่อคน
คดีนี้มี นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร, นายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ และ นายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ เป็นผู้ต้องหาที่ 1-4 ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ในขณะที่นายพอละจี หายตัวไปเมื่อปี 2557 โดยคนทั้งสี่เดินทางมาถึงดีเอสไอในช่วงเช้า ก่อนจะถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลฯ ในช่วงบ่าย และได้รับการประกันตัว
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) 9 อุบลราชธานี กล่าวว่า ตนเองพร้อมที่จะต่อสู้ในชั้นศาล และทำงานเพื่อปกป้องป่าไม้มาตลอด มิได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
“ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา” นายชัยวัฒน์ กล่าวแก่สื่อมวลชนหลังเข้ามอบตัวกับดีเอสไอ
“หลังจากที่ ดีเอสไอได้แถลง เป็นระยะ ๆ เราก็รู้แล้วว่า เป้าหมายมาอยู่ที่ผมกับลูกน้องสามคน แต่วันนี้ได้ความชัดเจนแล้ว หลักฐานที่ดีเอสไอได้นำเสนอสื่อมาเป็นแต่ละตอน ๆ เนี่ย เราก็เห็นกระบวนการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอ วันนี้ พวกเราทุกคนพร้อมที่จะให้การ ให้ความร่วมมือกับดีเอสไอ เนื่องจากที่ผ่านมานี่ สื่อสร้างสตอรี่ จนชีวิตข้าราชการของผมกับเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 คน แทบจะไม่มีที่ยืน” นายชัยวัฒน์ กล่าวก่อนการเข้ามอบตัว
“สิ่งที่ผิดชอบชั่วดี ทุกคนยังไม่รู้เลยว่าสิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก สิ่งไหนจริงสิ่งไหนเท็จ แล้วหลักฐานที่มีมามันจริงเท็จอย่างไร สื่อก็ต้องนำเสนอตามความจริง ผมเรียนเลยว่า วันนี้ ชีวิตข้าราชการของผม ต้องมายืนอยู่แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่พวกผมคือ ผู้พิทักษ์ป่า รักษามาตลอดชีวิต ทุ่มเทชีวิต ร่างกายและจิตใจเพื่อแผ่นดิน แต่กระแสที่ออกมาทำให้ผมเป็นจำเลยสังคม โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ทำกันแบบนี้ ให้ความเป็นธรรมกับผมแค่ไหน ผมยืนยันว่า ผมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมมาตลอด” นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวหลังการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายชัยวัฒน์ และพวก ว่า นายชัยวัฒน์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด แต่รายละเอียดการสอบสวนคดีอื่น ๆ เปิดเผยไม่ได้
“เขาให้การปฏิเสธ ประเด็นการสอบสวนเราคงเปิดเผยไม่ได้ แต่ทางผู้ต้องหาคือ คุณชัยวัฒน์ กับคณะ นัดมอบตัวตามหมายจับที่ออกเมื่อวาน ทางพนักงานสอบสวนได้บอกข้อหาไปเรียบร้อยแล้วในชั้นสอบสวน ทางผู้ต้องหาทั้งสี่คนไม่ได้ใช้สิทธิในการขอปล่อยตัวชั่วคราว ทางพนักงานสอบสวนจึงมีเหตุจำเป็นต้องนำตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตฯ” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ข้อหาความผิดของคนทั้ง 4 คน โดยสรุปคือ 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอื่น 2. ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น และใช้กำลังประทุษร้าย 3. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 4. ร่วมกันข่มขืนใจและประทุษร้ายผู้อื่น ให้ยอมให้ทรัพย์สิน 5. ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้อาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด และ 6. ร่วมกันอำพรางศพ
โดยทั้งหมดถูกนำตัวไปขออำนาจฝากขังที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยทั้งหมดยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 5 แสนบาท แต่ศาลปฏิเสธ และให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 8 แสนบาท ทั้งหมดจึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนี้ยังไม่มีนัดของศาลหลังจากนี้
การหายตัวไปและการเสียชีวิตของบิลลี่
ก่อนการหายตัวไปของนายพอละจี เชื่อว่าเพราะเข้าไปเป็นพยานในคดีที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อปี 2554 ที่ชาวบ้านโป่งลึก-บางกลอย ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (ตำแหน่งในขณะนั้น) ในข้อหาเข้ารื้อทำลาย เผาบ้านเรือน และทรัพย์สินของชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณตำบลห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน
บิลลี่หายตัวไป เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 หลังจากที่ออกไปเก็บน้ำผึ้ง เพื่อนำไปฝากคนรู้จัก ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อให้การต่อชั้นศาลในวันนัดสืบพยานในเดือนถัดไป นางพิณนภา ภรรยา ได้ยื่นฟ้องนายชัยวัฒน์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามี แต่ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้พิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว เมื่อเดือนกรกฎาคม 2557 เนื่องจากศาลเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่า นายชัยวัฒน์ควบคุมตัวนายพอละจีไว้ในขณะนั้น
กระทั่ง 3 กันยายน 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ยืนยันว่า ได้พบชิ้นส่วนกะโหลกของนายพอละจี ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นการยืนยันว่า นายพอละจี เสียชีวิตแล้วจากการถูกฆาตกรรม และจากหลักฐานดังกล่าวจึงนำไปสู่การร้องต่อศาล เพื่อขอหมายจับผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมครั้งนี้