หัวหน้าคณะพูดคุยฯไทย-มาเล ทีมใหม่วางแผนกระบวนเจรจา

ภิมุข รักขนาม และมารียัม อัฮหมัด
2018.10.26
กรุงเทพฯ และปัตตานี
181026-TH-MY-talk-negotiators-800.jpg พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ (กลางซ้าย) และตันศรี อับดุล ราฮิม นูร์ หัวหน้าคณะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยฯ ฝ่ายมาเลเซีย พูดคุยกับผู้สื่อข่าวในกรุงเทพ วันที่ 25 ต.ค. 2561
เบนาร์นิวส์

พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้คนใหม่ และตันศรี อับดุล ราฮิม นูร์ หัวหน้าคณะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยฯ ฝ่ายมาเลเซีย ได้เปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้ว่า สองฝ่ายได้พูดคุยและวางแผนการสร้างความมั่นคง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกัน เพื่อให้เป็นผลในทางปฏิบัติ โดยพล.อ.อุดมชัย กล่าวว่า ประเทศไทยเปิดกว้างพร้อมคุยกับผู้เห็นต่างจากรัฐบาลทุกกลุ่ม ขณะที่บีอาร์เอ็น เรียกร้องให้ไทยอนุญาตให้มีผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้าร่วม

พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้คุยสันติสุขฯ แทน พล.อ.อักษรา เกิดผล เมื่อเร็วๆนี้ ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ว่า ได้ประชุมร่วมกับตันศรี อับดุล ราฮิม นูร์ ตั้งแต่คืนวันพุธ เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาความรุนแรง ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้ไม่ยาก

“ได้นัดแนะกัน คุยกันว่าเราจะทำตามนโยบายการสั่งการของนายกรัฐมนตรีไทยและมาเลเซีย ได้คุยว่า 4-5 ปีที่ผ่านมา เรื่องของการลงทุนไปพอสมควรแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือ เราจะกำหนดช่วงเวลาดำเนินการสร้างความมั่นคง และปลอดภัยให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ก็มีแผนงานที่จะดำเนินการร่วมกัน” พล.อ.อุดมชัย กล่าว

“ผมได้พูดคุยกับท่านตันศรีว่า แนวทางคงไม่ต่างกับเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เรื่องโจรคอมมิวนิสต์มาลายา จากการที่มาเลเซียเป็นผู้เจรจา มาในครั้งนี้มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก และไทยก็เปลี่ยนจากผู้อำนวยความสะดวกมาเป็นผู้เจรจา ซึ่งผมได้ฟังจากท่านตันศรีแล้วคิดว่า เรื่องต่างๆ คงไม่ยาก แนวทางที่เราจะดำเนินการ คือ พูดคุยกับทุกกลุ่ม ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาลไทย เราเปิดโอกาสทุกกลุ่ม” พล.อ.อุดมชัย กล่าวเพิ่มเติม

พล.อ.อุดมชัย ไม่ได้ระบุเจาะจงถึงกลุ่มบีอาร์เอ็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มกองกำลังที่ใหญ่และแกร่งที่สุดในกลุ่มก่อการไม่สงบแบ่งแยกดินแดน ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ในกลุ่มร่วมกระบวนพูดคุยฯ ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน

ด้าน ตันสรี อับดุล ราฮิม นูร์ หัวหน้าคณะผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยฯ ฝ่ายมาเลเซีย กล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้ เป็นเรื่องใหม่เนื่องจากตนเองเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเพียงสามเดือน แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองมีความเข้าใจปัญหาดี โดยการประชุมร่วม ได้กล่าวถึงปัญหาของการพูดคุยที่ผ่านมา และจุดประสงค์การพูดคุย เพื่อกำหนดแนวทางการพูดคุยที่ชัดเจนในอนาคต

“ในกรณีนี้ ก็ถือว่าเป็นศักราชใหม่ในการกำหนดทิศทางและการเร่งเดินหน้ากระบวนการพูดคุยที่ดำเนินมาร่วม 6 ปีแล้ว” อับดุล ราฮิม กล่าว ตามรายงานจากเบอร์นามา สื่อจากมาเลเซีย

อับดุล ราฮิม กล่าวว่า นอกเหนือจากฝ่ายไทยแล้ว เขาตั้งใจที่จะสื่อสารกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทั้งในระดับกลางและระดับนิยมความรุนแรง ตามรายงานข่าวจากเบอร์นามาเมื่อวันศุกร์ ทั้งนี้เบอร์นามา ยังรายงานว่า อับดุล ราฮิม ยังได้มีการพูดคุยกับกลุ่มก่อการทั้งสองระดับแล้วด้วย ในช่วงสามเดือนแรกของการเริ่มงานในฐานะผู้อำนวยความสะดวกฯ

"ผมมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าเรามีการขับเคลื่อนไปแนวทางที่ถูกต้อง สันติสุขในชายแดนใต้ของไทยจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้แน่นอน"

"ทุกฝ่ายต้องมีความมุ่งมั่นทางการเมืองที่จะร่วมหาทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทย" อับดุล ราฮิม กล่าวเพิ่มเติม

นักวิเคราะห์ชี้ต้องมีบีอาร์เอ็นร่วมเจรจา

ด้านนางสาวรุ่งรวี เฉลิมศรีภิญโญรัช นักวิเคราะห์อิสระด้านสถานการณ์ชายแดนใต้ กล่าวว่า การเจรจานั้นจะไม่มีความหมายหากว่าระดับแกนนำของบีอาร์เอ็น ไม่ร่วมเจรจาด้วย โดยนางสาวรุ่งรวี กล่าวว่า บีอาร์เอ็นพร้อมที่จะร่วมเจรจาหากว่าไทยอนุญาตให้มีนานาชาติร่วมสังเกตการณ์

“บีอาร์เอ็น มีท่าทีพร้อมที่จะเข้าร่วมการพูดคุย หากรัฐบาลไทยยอมรับให้มีผู้สังเกตการณ์นานาชาติ ถ้ารับตรงนี้ได้ ก็มีโอกาสที่การพูดคุยสันติภาพจะเดินต่ออย่างมีความหมาย ส่วนท่านมหาเธร์จะมีความสามารถ หรือมีความปรารถนาจะโน้มน้าวฝ่ายไทยในเรื่องนี้หรือไม่อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับท่าน” นางสาวรุ่งรวี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์

“หากมหาเธร์ต้องการให้การเจรจาดำเนินไปย่างมีความหมาย ผู้อำนวยความสะดวกต้องโน้มน้าวทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่เพียงโน้มน้าวให้บีอาร์เอ็นร่วมเจรจา แต่ต้องคะยั้นคะยอให้ทางไทยเพิ่มความน่าเชื่อถือของกระบวนการ ด้วยการอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้าร่วมด้วย” นางสาวรุ่งรวี กล่าวเพิ่มเติม

ในปี 2556 ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความพยายามดำเนินการเจรจากับฝ่ายกองกำลังแบ่งแยกดินแดน โดยการสนับสนุนของรัฐบาลนายนาจิบ ราซัค ซึ่งมาเลเซียรับเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเจรจาให้กับทั้งสองฝ่าย ซึ่งสะดุดลง หลังจากที่รัฐบาลไทยปฏิเสธข้อเรียกร้อง 5 ข้อ ที่ปรากฏในวิดีโอยูทูบ ที่มีนายฮัซซัน บิน ตอยิบ เป็นตัวแทนเจรจาของกลุ่มบีอาร์เอ็น

จนกระทั่งในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐ ได้รวมตัวกันในชื่อ มาราปาตานี ซึ่งในตอนต้นประกอบด้วย กลุ่มแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมาลายู (BRN) กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติปัตตานี (BIPP) ขบวนการมูจิฮิดีนแห่งชาติปัตตานี (GMIP) และกลุ่มย่อยขององค์กรปลดปล่อยรัฐปัตตานี (PULO) อีกสองกลุ่มย่อยๆ (กลุ่มพูโล ดีเอสพีพี หรือสภาซูรอเพื่อการนำพูโล และกลุ่มพูโล เอ็มเคพี) เพื่อเจรจากับรัฐบาลไทย

ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 นายอาบู ฮาฟิซ อัล-ฮากิม โฆษกองค์กรมาราปาตานี ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “การเจรจาถึงทางแยกอีกครั้ง” ระบุว่า คณะพูดคุยฯ ฝ่ายไทย ปฏิเสธที่จะเซ็นเอกสารการจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัย เซฟเฮ้าส์ และคณะกรรมการทำงานร่วมในพื้นที่ ซึ่งจะส่งต่อให้คณะทำงานร่วมกระบวนการพูดคุยสันติสุข (Joint Working Group-Peace Dialogue Process - JWG-PDP) รับรองต่อไปก่อนที่จะลงมือจัดตั้งพื้นที่ปลอดภัยขึ้นจริงๆ โดยฝ่ายไทยได้กำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็น อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส แต่เรื่องนี้ได้สร้างความไม่พอใจในกลุ่มมาราปาตานี นำไปสู่การไม่ยอมรับ พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยฯ คนเก่า

ล่าสุด นายอาบู ฮาฟิซกล่าวว่า มาราปาตานี ซึ่งเดิมมีสมาชิกกลุ่มแบ่งแยกดินแดน 5 กลุ่ม ได้ปรับชื่อเป็น มาราปาตานี พลัส เพราะมีกลุ่มใหม่เข้าร่วมอีกสามกลุ่ม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นกลุ่มใดบ้าง ขณะเดียวกัน กลุ่มที่อ้างว่าเป็น สำนักประชาสัมพันธ์ของขบวนการบีอาร์เอ็น ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเจรจากับฝ่ายตนโดยตรงเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยถึงสมาชิกบีอาร์เอ็นในมาราปาตานีก็ตาม

หลังจากนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอีกครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่าน ฝ่ายมาเลเซียได้แต่งตั้ง ตันศรี อับดุล ราฮิม นูร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยเพื่อสันติสุขระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มมาราปาตานี แทนดาโต๊ะ ซัมซามิน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยนายราจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีคนเก่า

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง