เปรมชัย ขึ้นศาลนัดแรกในคดีล่าเสือดำ
2018.11.27
กรุงเทพฯ
ในวันอังคารนี้ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน และทนายความเดินทางมายังศาลจังหวัดทองผาภูมิ ในการสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีล่าเสือดำ โดยทนายความของนายเปรมชัย ยืนยันความบริสุทธิ์และพร้อมสู้ในทุกข้อหา ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. มั่นใจเอาผิดนายเปรมชัยได้แน่นอน
ในวันนี้ ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดสืบพยานโจทก์เป็นนัดแรก ในคดีที่อัยการจังหวัดทองผาภูมิเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ในคดีลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก จ.กาญจนบุรี โดยอัยการได้เบิกพยานโจทก์ปากสำคัญ ประกอบด้วย พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้กำกับดูแลการสอบสวนตามคำสั่ง ผบ.ตร. และคสช. และนายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุร่วมการล่าเสือดำและสัตว์ป่าอื่น ที่นายเปรมชัยและพวก ตกเป็นจำเลย
“มั่นใจว่าอัยการจะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถเอาผิดกับผู้กระทำผิดตามที่ยื่นฟ้องไปได้” พล.ต.อ.ศรีวราห์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการเบิกความ
โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการสืบพยาน เนื่องจากจะเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้ อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนได้ทำหน้าที่ตามคำสั่งคสช. ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ได้ตราไว้เรียบร้อยแล้ว จากนี้ขอให้ประชาชนติดตามคดีนี้ต่อไป
ส่วนการเบิกความนายวิเชียร ใช้เวลานานตลอดทั้งบ่ายก็ยังไม่เสร็จสิ้น จนต้องเลื่อนออกไปอีกวันหนึ่ง ขณะที่นายเปรมชัย ขอพิจารณาคดีลับหลัง ซึ่งศาลเห็นว่าคดีนี้ มีอัตราโทษสูงสุดไม่เกิน 10 ปี จึงอนุญาตให้นายเปรมชัยกลับก่อนได้
“การสืบพยานของหัวหน้าวิเชียรในวันนี้ยังไม่จบ เสร็จไปเพียงครึ่งเดียว ต้องใช้เวลาอีกมากในการเล่าพฤติการณ์ของจำเลยทั้ง 4 คน ต่อหน้าศาล ต้องมาสืบพยานต่อในวันพรุ่งนี้” นายสมเจตน์ อำนวยสวัสดิ์ อัยการภาค 7 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
นายสมเจตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายเปรมชัยได้ยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลัง ว่าสามารถทำได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย และระหว่างนี้นายเปรมชัยจะเดินทางมาศาลหรือไม่ก็ได้ แต่นายเปรมชัยต้องเดินทางมาศาลทุกนัด เมื่อถึงวันนัดสืบพยานฝ่ายจำเลย ส่วนกรณีที่กรมอุทยานฯ เรียกค่าเสียหายจากจากจำเลยเป็นเงินมากกว่า 12 ล้านบาทนั้น เป็นเรื่องของกรมอุทยาน ส่วนอัยการก็จะทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
นายวิทูล พรายแย้ม ทนายความนายเปรมชัย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว กรณีที่นายเปรมชัยขอพิจารณาคดีลับหลัง เนื่องจากนายเปรมชัยติดภารกิจเกี่ยวกับการบริหารธุรกิจของบริษัทอิตาเลียนไทยฯ ประกอบกับมีโรคประจำตัวหลายอย่าง แต่จะมาอีกครั้งในวันนัดสืบพยานฝ่ายจำเลย
“ระหว่างนี้ ต้องดูว่าการสืบพยานโจทก์จะมีอะไรคลาดเคลื่อนหรือไม่ เพราะว่าการสืบพยานโจทก์ต้องใช้เวลามากพอสมควร ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างอัยการซักถามพยานโจทก์ คิดว่าอัยการยังมีเนื้อหาอีกมาก” นายวิทูล ระบุ
นายวิทูล กล่าวต่อด้วยว่า นายเปรมชัยได้แถลงต่อศาลไปแล้วว่าจะให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี กรณีที่ทางกรมอุทยานเรียกร้องเงินค่าเสียหายกว่า 12 ล้านบาท สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น และจนถึงวันนี้ ยังยืนยันว่าลูกความของตนเป็นผู้บริสุทธิ์
“เรายังปฏิเสธ เพราะเราคิดว่าเราเป็นผู้บริสุทธิ์ เราก็ไม่มั่นใจ(ว่าจะชนะคดี) แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับศาล และเราก็จะทำให้ดีที่สุดตามที่พยานหลักฐาน” นายวิทูล กล่าว
ในคดีนี้ นายเปรมชัยและพวก ถูกจับได้พร้อมของกลาง คือ ซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง รวมทั้งอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่อมา อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย รวม 6 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร 2.ร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต 5.ร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย 6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
โดยศาลจังหวัดทองผาภูมิ นัดสืบพยานโจทก์เป็นฝ่ายแรก รวม 10 นัด คือ ในวันที่ 27-30 พ.ย. ในวันที่ 6-7 ธ.ค. ในวันที่ 11-13 ธ.ค. และในวันที่ 18 ธ.ค.2561 โดยพยานโจทก์มีทั้งหมด จำนวน 32 ปาก จากนั้น จะป็นการนัดสืบพยานจำเลยที่มีอยู่ จำนวน 17 ปาก รวม 6 นัด คือ วันที่ 19-20-21 และ 25-26-27 ธ.ค. นี้