ศาลอาญารับฟ้องคดีคนอยากเลือกตั้งชุมนุมหน้ากองทัพบก เป็นคดีที่ 3

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.03.06
กรุงเทพฯ
190306-TH-court-activists-800.jpg นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ กล่าวต่อต้านรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว วันที่ 22 พ.ค. 2561
นนทรัฐ ไผ่เจริญ/เบนาร์นิวส์

ในวันนี้ ศาลอาญารับฟ้องคดีแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ARMY57 จำนวน 9 คน ในการเคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านโจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่หน้ากองทัพบก เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 61 นับเป็นคดีที่สาม ซึ่งแกนนำเป็นการชุมนุมโดยบริสุทธิ์ใจพร้อมตั้งข้อสงสัยทำไมจึงมีคดีฟ้องร้องในช่วงบรรยากาศก่อนการเลือกตั้ง

ในคดีนี้ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 นำสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งชุด ARMY57 ที่ชุมนุมหน้ากองทัพบก ประกอบด้วย นายกาณฑ์ หรือ ศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ นักศึกษาคณะศิลปะศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ อายุ 24 ปี, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว อายุ 24 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.), น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา อายุ 39 ปี วิทยากรอิสระ, นายธนวัฒน์ พรหมจักร อายุ 20 ปี, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ อายุ 41 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายอานนท์ นำภา อายุ 33 ปี อาชีพทนายความ, นายปกรณ์ อารีกุล อายุ 28 ปี โฆษกพรรคสามัญชน และน.ส.ศรีไพร นนทรีย์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิต อายุ 47 ปี เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐาน ยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 วรรคแรก, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 มาตรา15,16 และ พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 108,114

ซึ่งศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.649/2562 และนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 13 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

“เวลา 17.00 น.เศษ จำเลยกับพวกมวลชนประมาณ 350 คน ได้เคลื่อนขบวนจาก ม.ธรรมศาสตร์ไปกองบก.ทบ.โดยใช้รถที่ติดเครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้า ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่มีอำนาจ โดยระหว่างการจัดชุมนุมดังกล่าว นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว จำเลยที่ 2, นายรังสิมันต์ จำเลยที่ 3, น.ส.ณัฏฐา หรือโบว์ จำเลยที่ 4, นายโชคชัย จำเลยที่ 6, นายอานนท์ จำเลยที่ 7 ที่เป็นผู้จัดการชุมนุมไม่ได้ดูแลให้ผู้ชุมนุมไม่กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งระหว่างการเคลื่อนขบวนชุมนุม ไปบนถนนราชดำเนินที่เป็นทางสาธารณะนั้น ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนและการชุมนุมนั้นก็ได้เกินเวลาที่แจ้งไว้คือ 18.00 น."

"โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมทราบตลอดทางว่าการเคลื่อนขบวนชุมนุมดังกล่าว ผิดต่อ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 แต่พวกจำเลยก็ไม่ให้ความร่วมมือแล้วกลับปลุกระดมมวลชน ซึ่งระหว่างเคลื่อนขบวนก็มีนายกาณฑ์ จำเลยที่ 1, นายโชคชัย จำเลยที่ 6, นายอานนท์ จำเลยที่ 7, นายปกรณ์ จำเลยที่ 8, น.ส.ศรีไพร จำเลยที่ 9 และนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง กล่าวปราศรัยโจมตีรัฐบาล และปลุกระดมมวลชนกับทหารในกองทัพบกให้โค่นล้มรัฐบาล ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและถอนราก คสช.ซึ่งเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ ที่ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของรัฐบาลและคสช.ในเชิงวิชาการอย่างสุจริต” คำฟ้อง ระบุ

สำนวนคำฟ้องของอัยการ ยังระบุด้วยว่า แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมชุดนี้ ยังได้ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงปราศรัยโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และเป็นการร่วมกันปลุกระดมมวลชนโดยปลุกปั่นให้เกิดการชุมนุมขับไล่รัฐบาลและ คสช.รวมทั้งเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ภายในเดือน พ.ย.61 พร้อมกับการชู 3 นิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง) เป็นสัญลักษณ์ในทางการเมืองต่อต้านรัฐบาลและคสช. การชุมนุมล่วงเลยจนถึงเวลา 20.45 น. ซึ่งล่วงเลยจากเวลาที่แจ้งการชุมนุมไว้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธชั้นพนักงานสอบสวน

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้จำเลย 8 คน จากจำนวนทั้งหมด 9 คน เดินทางมายังศาลอาญาได้ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้ว ส่วนกรณีการนัดยื่นฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ไม่สามารถมาได้ในวันนี้ อัยการได้นัดให้มาพบในวันที่ 15 มี.ค. นี้เพื่อนำตัวไปยื่นฟ้องศาลอาญา ต่อไป

นายรังสิมันต์ โรม หนึ่งในแกนนำคนสำคัญ และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และผู้สมัคร ส.ส. ในแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 16 กล่าวถึงการดำเนินคดีในช่วงเวลานี้ว่า ตนเองยังมีคุณสมบัติที่สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ ส่วนคดีอื่นๆ อีก 5 เรื่อง ใช้เวลาพอสมควรน่าจะเป็นช่วงหลังการเลือกตั้งไปแล้ว อย่างไรก็ตามต้องดูผลของคำพิพากษาต่อไป พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และจะพยายามใช้กระบวนการทางศาลต่อสู้อย่างเต็มที่ โดยคาดหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะปลดปล่อยพวกเราจากพันธนาการได้

"พวกเราบริสุทธิ์ใจ การชุมนุมของพวกเราก็ไม่ได้ไปกระทบกระทั่งหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ใคร ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม" นายรังสิมันต์ กล่าว

ด้าน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีการใช้กระบวนการยุติธรรมอย่างหนักในการร้องทุกข์กล่าวโทษฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลโดย คสช. ตนรู้สึกเห็นใจทุกคนในกระบวนการยุติธรรม วันนี้คนอยากเลือกตั้งถูกฟ้องเป็นคดีที่ 3 กรณีชุมนุมหน้ากองทัพบก ส่วนก่อนหน้านี้มีคดีชุมนุมหน้าหอศิลป์ (MBK39) และคดีชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน (RDN50) โดย น.ส.ณัฏฐา ได้กล่าวถึงกรณีคลิปส่วนตัวหลุดกับนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ได้ร่วมเป็นโจทก็กับนายวัฒนา มอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนแล้ว

ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ศาลได้พิจารณาคำร้อง และมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 9 คน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อย่างไรก็ตาม ศาลได้กำหนดเงื่อนไข หากจำเลยผิดสัญญาให้ปรับจำเลยคนละ 200,000 บาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง