ตำรวจเรียกนักเรียน 3 คน รายงานตัวคดีชุมนุม 15 ต.ค. 63
2020.11.20
กรุงเทพฯ
ในวันศุกร์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ออกหมายเรียก นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ หรือ มิน และนางสาวเบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย สองแกนนำกลุ่ม “นักเรียนเลว” รวมถึง นายคณพศ แย้มสงวนศักดิ์ หรือ คะน้า นักเรียนมัธยม จากการที่ทั้งหมดร่วมชุมนุมในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 ที่สี่แยกราชประสงค์ ขณะเดียวกัน ได้จับกุมตัว นายกษิดิศ ลีลามุกตานันท์ ผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง จากกรณีที่พกอาวุธปืนเข้าไปชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563
กลุ่มนักเรียนเลว เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า มีนักเรียนในกลุ่ม 2 ราย ถูกออกหมายเรียกจากการชุมนุมทางการเมือง
“ด่วน! พลอย เบญจมาภรณ์ นักเรียนชั้น ม.4 และ มิน ลภนพัฒน์ นักเรียนชั้น ม.6 ถูกออกหมายเรียกฐานฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน นี่คือการคุกคามโดยรัฐกับเยาวชนที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี ไหนว่าประเทศนี้เป็นประเทศแห่งการประนีประนอม ไหนว่าจะถอยคนละก้าว?” ข้อความบนเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุ
ต่อมา พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหากลุ่มนักเรียนเลวจริงตามที่เป็นข่าว
“การออกหมายเรียกรายงานตัวนี้ เป็นการออกหมายเรียกตามความผิดในการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ฉุกเฉินร้ายแรง (ซึ่งยกเลิกไปแล้ว) ในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 จะมีความผิดอื่นประกอบหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากต้องประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนก่อน” พ.ต.อ.นิติวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.นิติวัฒน์ ไม่ได้ระบุว่า ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อขออำนาจศาลฝากขังหรือไม่
ด้าน เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยกับเบนาร์นิวส์ว่า นอกจากสมาชิกนักเรียนเลว 2 ราย ยังมีนักเรียนมัธยมอีกหนึ่งรายที่ถูกออกหมายเรียกในวันเดียวกัน
“ได้รับแจ้งว่า มีนักเรียนอย่างน้อย 3 รายซึ่งถูกออกหมายเรียกจากการชุมนุม คือ มิน กับ พลอยจากกลุ่มนักเรียนเลว และคะน้า โดยเป็นหมายเรียกของของ สน.ลุมพินี เรื่องฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ในวันที่ 30 พฤศจิกายน” เจ้าหน้าที่ศูนย์ทนายฯ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์
โดยหมายเรียกของทั้งสามคน ระบุว่าออกเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 โดยมี พ.ต.ท.วรินทร เศรษฐะ สารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ลุมพินี เป็นผู้กล่าวหา โดยให้เยาวชนทั้งสามคนพร้อมด้วยผู้ปกครอง และทนายความ ไปพบ พ.ต.ท.นพดล ปิ่นพงศ์พันธ์ และพ.ต.ต.รัฐภูมิ โมรา พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ในวันที่ 30 พ.ย. 63 เวลา 13.00 น.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุอีกว่า การชุมนุมของเยาวชนปลดแอกตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบัน มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งหมด 4 ราย รวมกับ 3 รายในวันนี้ ที่กำลังถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมทางการเมือง ก่อนหน้านี้มีเยาวชนอายุ 17 ปี ถูกจับกุมขณะร่วมชุมนุมของ ‘คณะราษฎรอีสาน’ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2563 และถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกับนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และผู้ชุมนุมอีก 19 คน โดยที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้อนุญาตให้ประกันตัวเยาวชนรายนี้ แต่คดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด
ต่อมากลุ่มนักเรียนเลว ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ยืนยันเดินหน้าจัดชุมนุมใหญ่ในวันพรุ่งนี้ 21 พ.ย. 2563 ที่แยกราชประสงค์ เวลาบ่ายโมง ถึง 3 ทุ่ม ระบุว่า “ตอนนี้สภาพจิตใจของพลอยยังดีอยู่ และฝากบอกมายังทุกคนว่า ขอให้ออกมาร่วมชุมนุมวันพรุ่งนี้ให้เยอะ ๆ ตอนนี้เขาเริ่มคุกคามเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีแล้ว อย่าปล่อยให้อุดมการณ์ของพวกเราต้องโดดเดี่ยว ออกมาพร้อมกันให้แน่นราชประสงค์”
โดย น.ส.เบญจมาภรณ์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า เหตุผลที่ต้องชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงระบบการศึกษาในประเทศไทย โดยในการชุมนุมวันเสาร์ที่จะถึงนี้ จะมุ่งประเด็นไปที่การรื้อถอนระบบที่ล้าหลัง และเรียกผู้มีอำนาจแบบเก่าว่า ไดโนเสาร์ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
“ปัญหาที่ต้องแก้ เพราะโครงสร้างในกระทรวง มันล้มเหลวไม่มีประสิทธิภาพ เป็นโครงสร้างในระบบอุปถัมภ์ โครงสร้างที่มีหลายหน่วยงานย่อยเยอะมาก เป็นระบบที่ต้องรอให้เจ้านายสั่ง เมื่อปัญหาในกระทรวงเป็นแบบนี้ เราก็ต้องแก้ไขจากภายใน ระบบโครงสร้างในกระทรวงดี มันจะส่งไปถึงโรงเรียน คุณครูนักเรียน กฎในโรงเรียนก็เยอะ ไม่มีเหตุผล และครูยุ่งกับนักเรียนมากเกินไป” น.ส.เบญจมาภรณ์ กล่าว
ที่ผ่านมา มิน และ พลอย เป็นสมาชิกของกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ และทำกิจกรรมเคลื่อนไหวด้านปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนของนักเรียนในโรงเรียนมาโดยตลอด ขณะที่ คะน้า เป็นเยาวชนที่เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง ก่อนจะมีบทบาทเป็นตัวแทนของเยาวชนในการวางหมุดคณะราษฎร 2563 บนพื้นสนามหลวง ในช่วงเช้าวันที่ 20 ก.ย. 2563 โดยที่ก่อนหน้านี้นายคณพศเคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวพร้อมกับรุ่นพี่นักกิจกรรม ขณะเสร็จสิ้นการชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 63 อีกด้วย ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวและให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน
ต่อการออกหมายเรียกดังกล่าว นายธนวรรธน์ สุวรรณปาล หรือครูทิว จากกลุ่ม “ครูขอสอน” กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หรือใครก็ตามที่เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนประเด็นการเมือง ไม่ควรจะถูกหมายเรียกในลักษณะนี้ แม้กระทั่งการคุกคาม และสร้างความหวาดกลัวให้กับแกนนำนักเรียนนักศึกษา ก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น นี่จึงเป็นการพยายามใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการสร้างความกลัวให้กับนักเรียน
“วิธีการคิดของเด็กรุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะนักเรียน เขาเริ่มเรียนรู้ และมองเห็นแล้วว่าอะไรที่สมเหตุสมผลและเป็นกฎที่มีไว้เพื่อการอยู่ร่วมกัน และมองเห็นเช่นกันว่าอะไรที่เป็นกฎที่มีไว้เพื่อรักษาอำนาจ ถ้าเกิดว่ายิ่งใช้กระบวนการที่ไม่ยุติธรรมกับเด็กแบบนี้ มันยิ่งจะเป็นเชื้อไฟที่โหมทำให้เด็ก ๆ ยิ่งลุกขึ้นออกมาต่อสู้ ผมคิดว่าเหตุการณ์เหล่านี้ได้ทลายกำแพงความกลัวของเด็ก ๆ ลงไปหมดแล้ว” ครูทิว ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์ผ่านโทรศัพท์
จับคนเสื้อเหลืองพก ‘ปืน-กระสุน’ ตำรวจยันพบคนใส่เสื้อกันฝนชมพูเริ่มยิงก่อน
การชุมนุมหน้ารัฐสภา เมื่อวันอังคารที่ 17 พ.ย. 2563 ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกตัวเองว่า ‘ราษฎร’ นัดชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อกดดันให้สมาชิกรัฐสภายอมรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) และเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศเขตห้ามชุมนุมบริเวณ 50 เมตร และได้ตั้งแนวกีดขวาง เช่น รถเมล์ แท่งคอนกรีต โดยกั้นหลายชั้น เพื่อสกัดไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปยังบริเวณหน้ารัฐสภาได้ ก่อนที่จะยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำแรงดันสูง เพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อไม่ให้เดินทางเข้าบริเวณรัฐสภา นอกจากนั้นฝ่ายราษฎรยังได้ปะทะกับกลุ่มเสื้อเหลืองที่มาสนับสนุนรัฐสภาอีกด้วย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวมกว่า 50 ราย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เตาปูน พบผู้เข้าร่วมชุมนุมฝ่ายตรงข้ามในนาม ‘กลุ่มปกป้องสถาบัน’ พกอาวุธปืนเข้ามาในการชุมนุมด้วยคือ นายกษิดิศ ลีลามุกตานันท์ อายุ 35 ปี โดยถูกจับกุมหลังจากพกอาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ ขนาด.357 และเครื่องกระสุนปืน 10 นัด ในเหตุการณ์ชุมนุมดังกล่าว โดย นายกษิดิศให้การว่า ออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มปกป้องสถาบัน และอ้างพกปืนไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น
พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.สน.เตาปูน เผยกับสื่อมวลชนว่า ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพว่าอาวุธปืนลูกโม่และกระสุนทั้ง 10 นัด เป็นของตนเองจริง โดยพกไปร่วมการชุมนุม เพื่อใช้ป้องกันตัว แต่ไม่ได้นำออกมาใช้ยิงในช่วงที่เกิดเหตุชุลมุน
จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ที่ตัวปืนยังมีกระสุนในรังเพลิงครบทุกนัด แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การดังกล่าว จึงนำอาวุธปืนส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ เพื่อจะดูว่าผ่านการใช้งานในวันที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งต้องรอผลการตรวจสอบอาวุธปืนก่อน จากนั้นจะพิจารณาจากหลักฐานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมก่อนดำเนินคดีต่อไป แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาครอบครองและพกพาอาวุธไปในเมือง โดยไม่ได้รับอนุญาต และผู้ถูกกล่าวหาได้ใช้หลักทรัพย์เงินสด 75,000 บาท ประกันตัวไปในชั้นสอบสวนแล้ว
อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวกับสื่อมวลชนถึงกรณีที่พบว่ามีชายสวมใส่เสื้อกันฝนสีชมพู โดยอ้างว่าอาจเป็นการ์ดของกลุ่มราษฏร และเป็นผู้นำอาวุธปืนยิงใส่กลุ่มประชาชนที่อยู่ฝั่งถนนทหารก่อน โดยอยู่ระหว่างการสืบสวน รวมทั้งหลักฐานปลอกกระสุนที่ตกในที่เกิดเหตุ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเก็บพยานหลักฐานดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมโดยมิชอบ และร่วมกันตั้งแต่ 10 คนเป็นต้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง รวมถึงทำร้ายร่างกาย และทำให้สูญเสียทรัพย์สิน