กอ.รมน. ภาค 4 แจงอัยการจะสั่งไม่ฟ้องสามนักสิทธิมนุษยชน

มารียัม อัฮหมัด
2017.06.23
ปัตตานี
TH-rights-activists-620 นางสาวอัญชนา หีมมีหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ (ซ้ายมือ) นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษามูลนิธิผสานวัฒนธรรม เข้ารับฟังข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์ (23 มิถุนายน 2560) นี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ชี้แจงถึงเรื่องการถอนคดีสามนักสิทธิมนุษยชนว่า ทาง กอ.รมน. ไม่สามารถถอนแจ้งความผิดในคดีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ได้ ส่วนความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยโฆษณา นั้น ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ แต่ทางอัยการจะไม่สั่งฟ้อง โดยเริ่มจากเหตุ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2559 หลังจากสามนักสิทธิมีการเผยแพร่รายงาน “สถานการณ์การทรมาน และการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษย์ธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2557-2558”

ซึ่งในวันนี้ พันเอกปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวในเรื่องนี้ ที่ห้องประชุม ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อสร้างความชัดเจนในเรื่องนี้ หลังจากที่นายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกมากล่าวว่า ทหารยังไม่ถอนแจ้งความ และอัยการยังไม่มีคำสั่งไม่ฟ้อง

"ความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถถอนแจ้งความร้องทุกข์ได้" พ.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อสื่อมวลชน

อย่างไรก็ตาม พ.ท.เศรษฐ์สิทธิ์ แก้วคูณเมือง ผู้รับมอบอำนาจจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษามูลนิธิผสานวัฒนธรรม นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนางสาวอัญชนา หีมมีหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ ได้กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า จากการพูดคุยกับพนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในคดีใดๆ อยู่แล้ว

“การสั่งไม่ฟ้องในความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ อาจจะอ้างเหตุตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ เพื่อสั่งไม่ฟ้อง” พ.ท.เศรษฐ์สิทธิ์ กล่าว โดยได้อธิบายว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มีหนังสืออนุมัติให้ กอ.รมน. ถอนแจ้งความร้องทุกข์ไม่ดำเนินคดีกับสามนักสิทธิด้วยแล้ว

ทั้งนี้ พ.ท.เศรษฐ์สิทธิ์ แก้วคูณเมือง เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความดำเนินคดีกับนักสิทธิ์ทั้งสามคน ที่ สภ.ปัตตานี เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2559  โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมาย พ.ศ. 2477 มาตรา 52 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 หลังจากการเผยแพร่รายงาน “สถานการณ์การทรมาน และการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษย์ธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2557-2558” ซึ่งเป็นความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในเว็บไซต์ https//voicefromthais.wordpress.com และจัดพิมพ์แจกจ่ายให้คนทั่วไปทราบ

สำหรับที่มาของการรายงานข่าวว่า ทหารไม่ถอนฟ้องนักสิทธิ์นั้น สืบเนื่องมาจาก การเปิดเผยของนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ที่กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ที่รับว่าความให้กับนายสมชาย หอมลออ นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ และนางสาวอัญชนา หีมมิหน๊ะ ไปพบพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานีตามที่ได้นัดหมายไว้ แต่กลับพบว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ยังไม่ได้ถอนแจ้งความหรือคำร้องทุกข์ตามที่ได้เคยประกาศไว้ต่อสาธารณชนไว้ และพนักงานอัยการยังได้กำหนดวันนัดให้ผู้ต้องหาทั้งสามไปรายงานตัวต่ออัยการอีก ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 นี้

“จริงๆ แล้วทหารถอนแจ้งความได้ ส่วนพนักงานจะให้ถอนหรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนแจ้งความสามารถแจ้งถอนได้” นายสุรพงษ์ กล่าวแก่เบนานิวส์ทางโทรศัพท์

“ถ้าว่ากันตามกฎหมายหมิ่นประมาท กับพรบ. คอมพิวเตอร์ ก็ไม่เข้าข่ายอยู่แล้ว เขาทำตามแบบฟอร์มของยูเอ็น เป็นงานวิชาการ และใน พรบ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ต้องเป็นความผิดจริงๆ เช่น มีการบิดเบือนข้อมูล มีการเปิดเวบไซต์” นายสุรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม

"สิ่งสำคัญคือ เราทั้งสามอยากทำงานเพื่อการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเราก็อยากมีทางออกที่ดีกว่าการตอบโต้ไปมา เช่น แนวทางการทำงานร่วมการประสานการสื่อสารที่ชัดเจนตรงไปตรงมา กรณีที่เกิดขึ้นเรายังคงเห็นประเด็นปัญหาที่เราต้องพยายามเปลี่ยนแปลงต่อไป" นางสาวอัญชนา หีมมีหน๊ะ หัวหน้าของกลุ่มด้วยใจ หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวแก่เบนาร์นิวส์

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง