กองกำลังผสมชายแดนใต้รวบ 27 โรฮิงญา ก่อนข้ามแดนไปยังมาเลเซีย

รพี มามะ
2017.03.17
นราธิวาส
TH-rohingya-1000 ชาวโรฮิงญาที่ถูกจับและถูกดำเนินคดีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ที่ สภ.ตากใบ นราธิวาส ภาพเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2560
เบนาร์นิวส์

เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จับตัวผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายชาวโรฮิงญาได้ จำนวน 27 คน พร้อมทั้งผู้ลักลอบนำพาชาวไทยสองรายที่ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญา เพื่อส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย

พ.อ.ชัยวิทย์ พิมพ์ทอง รอง ผอ.กองข่าวภัยแทรกซ้อน  ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ  และเจ้าหน้าที่ทหารจาก ฉก.นราธิวาส 30 ร่วมกันจับกุมชาวโรฮิงญา จำนวน 27 คน แยกเป็นชาย 22 คน ผู้หญิง 3 คน และเด็ก 2 คน ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ที่กระบะบรรทุกของรถยนต์ 10 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน 70-1066 พัทลุง ที่มีผ้าใบปิดช่วงท้ายกระบะบรรทุกอย่างมิดชิด เมื่อ 01.30 น. ของวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2560 นี้

เจ้าหน้าที่พบว่านายสมรักษ์ ปิ่นสังข์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 ม.4 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นคนขับ และมีบุตรชาย 1 คน นั่งมาด้วย จึงได้ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดี

พ.อ.ชัยวิทย์ กล่าวว่า ตนได้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ คันดังกล่าวมาห่างๆ จากพื้นที่แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร หลังจากทราบว่าเป็นกลุ่มเครือข่ายค้ามนุษย์ พร้อมประสาน พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่กอง 12 ศูนย์รักษาความปลอดภัย บก.ทท. ติดตามข่าวสารที่มีการติดต่อกันเป็นระยะๆ เพื่อที่จะจับกุมเอเย่นต์ค้ามนุษย์ซึ่งอยู่เบื้องหลัง

จนกระทั่งเมื่อรถบรรทุกคันดังกล่าวถึงด่านตรวจบ้านโคกมะเฟือง ม.1 ต.ศาลาใหม่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกับทหารแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ 10 ล้อคันดังกล่าว จนพบชาวโรฮิงญา จำนวน 27 คน หลบซ่อนตัวอยู่ที่กระบะบรรทุก เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายสมรักษ์ และบุตรชาย รวมทั้งชาวโรฮิงญา มาทำการสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.ตากใบ

นายสมรักษ์ ปิ่นสังข์ คนขับรถสิบล้อ ให้การว่า รถยนต์ 10 ล้อ คันดังกล่าวเป็นของเถ้าแก่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตนได้โกหกเถ้าแก่ว่า มีคนว่าจ้างพิเศษจะบรรทุกของจากพื้นที่กรุงเทพมหานคร มาส่งยังอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส แต่ข้อเท็จจริง ตนแอบรับจ้างบรรทุกชาวโรฮิงญามาส่งในพื้นที่อำเภอแว้ง ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 30,000 บาท โดยมารับชาวโรฮิงญาในพื้นที่แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เห็นว่ามีรายได้ดี จึงรับจ้างทำมา 3 ครั้ง และถูกจับกุมในที่สุด

และจากการสอบสวนชาวโรฮิงญารายหนึ่งผ่านล่าม เจ้าหน้าที่ทราบว่า ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ ได้หลบหนีจากประเทศเมียนมาข้ามแดนด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเสียเงินค่านายหน้า เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีค่าหัวรายละ 15,000 บาท โดยแอบลักลอบนั่งรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ เข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะนั่งรถบรรทุกสิบล้อที่ถูกจับกุม เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย โดยจะข้ามเรือที่ช่องทางข้ามริมพรมแดนในพื้นที่ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เข้าพื้นที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยจะมีนายหน้าชาวมาเลเซีย เดินทางมารับ เพื่อไปทำงานตามที่ต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วน นายสมรักษ์ ปิ่นสังข์ และบุตรชาย เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลถึงขบวนการเครือข่ายค้ามนุษย์ ที่กรมทหารพรานที่ 46 อ.เมืองนราธิวาส เพื่อที่จะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์ให้สิ้นซาก

การจับกุมครั้งนี้ เป็นการจับกุมครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากมีการจับกุมชาวโรฮิงญา 62 คน ที่หลบซ่อนอยู่ในอาคารร้างแห่งหนึ่งในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อเดือนสิงหาคม 2559

เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 ได้มีการค้นพบหลุมศพ ในค่ายกักกันชาวโรฮิงญาและบังกลาเทศ ที่เทือกเขาแก้ว ในปาดังเบซาร์ นับเป็นการเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์จนเป็นข่าวไปทั่วโลก จนทางการไทยได้กวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ มีการออกหมายจับผู้ต้องหาในขบวนการที่รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหารระดับนายพล รวม 153 ราย ซึ่งกำลังถูกดำเนินคดีกว่าหนึ่งร้อยราย

ประเทศเมียนมา ไม่ยอมรับว่าชาวโรฮิงญา ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในจำนวน 135 ชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ทั่วประเทศ และมีการเข่นฆ่า จนต้องหาทางหนีออกนอกประเทศตลอดมา

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง