กอ.รมน. แจ้งความข้อหายุยง 5 หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และพวกอีก 7 คน

มารียัม อัฮหมัด และ วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2019.10.04
กรุงเทพ และ ปัตตานี
191004-TH-sedition-1000.jpg นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ (ชุดสีดำ) ขณะร่วมเสวนาในเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และรัฐธรรมนูญใหม่ พร้อมด้วยนักการเมือง เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งนักวิชาการ ที่ลานวัฒนธรรม ปัตตานี วันที่ 28 กันยายน 2562
มารียัม อัฮหมัด/เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์นี้ พ.ต.ท.กีรติ ตรีวัย รองผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เข้าแจ้งความเอาผิด นักการเมืองพรรคฝ่ายค้าน นักวิชาการ และประชาชน รวม 12 คน ในข้อหาข้อหายุยงปลุกปั่น เนื่องจากบุคคลทั้งหมดขึ้นเวทีเสวนาเรื่องการแก้ปัญหาชายแดนใต้และรัฐธรรมนูญ โดยมีผู้พูดถึงการแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าประเทศไทยไม่สามารถแบ่งแยกได้

การเสวนา ในหัวข้อ “พลวัฒแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562 ที่จังหวัดปัตตานี โดยมีผู้ร่วมเสวนาที่สำคัญๆ เช่น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 40 ปี หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อายุ 75 ปี หัวหน้าพรรคประชาชาติ  พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อายุ 64 ปี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  และนางชลิตา บัณฑุวงศ์ อายุ 47 ปี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

“เมื่อวาน กอ.รมน. มีการแจ้งความแล้ว เบื้องต้นกำลังระดมทีมสอบสวนเพื่อตรวจสอบข้อมูลก่อน จากนั้นจึงจะมีการส่งหมายเรียก ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีใหม่อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง” พ.ต.ท.กีรติ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์

โดยวานนี้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการ กอ.รมน. ภาคที่ 4 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองปัตตานี ในฐานความผิดตามมาตรา 116 ของประมวลกฎหมายอาญา เพื่อดำเนินคดีกับบุคคล 12 คน ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อายุ 78 ปี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อายุ 40 ปี หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อายุ 75 ปี หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ  นายนิคม บุญวิเศษ อายุ 49 ปี หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย  นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อายุ 75 ปี หัวหน้าพรรคประชาชาติ  พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อายุ 64 ปี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  นางชลิตา บัณฑุวงศ์ อายุ 47 ปี อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  นายสมพงษ์ สระกวี อายุ 69 ปี  นายมุข สุไลมาน อายุ 70 ปี  นายรักชาติ สุวรรณ อายุ 55 ปี  นายอสมา มังกรชัย อายุ 45 ปี และ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ อายุ 48 ปี

เอกสารแจ้งความ บรรยายสาเหตุว่า  “กลุ่มผู้ต้องหาที่ 1 กับพวกรวม 12 คน ได้มีการพูดนำเสนอข้อมูลในลักษณะมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ประชาชนทั่วไปหลงเชื่อ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือ กระทั่งกระเดื่องต่อประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”

โดยเบนาร์นิวส์ ได้โทรศัพท์ไปหา พล.ต.บุรินทร์ เพื่อให้ชี้แจงเหตุผลของการฟ้องร้องครั้งนี้เพิ่มเติม แต่ได้รับคำตอบสั้นๆ ว่า “ไปถามรายละเอียดกับ ผบ.ทบ. อันนี้ผมรายงานไปแล้ว เป็นเรื่องที่ผมให้ข่าวไม่ได้”

ทั้งนี้ สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา คือ ในตอนหนึ่งของการเสวนาซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊คของพรรคประชาชาติ และเผยแพร่วิดีโอที่บันทึกการเสวนาลงในยูทูป นางชลิตา ได้กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เกิดจากความคับข้องใจของคนในพื้นที่ที่ไม่ได้ความเป็นธรรมทางกฎหมาย รู้สึกว่าตัวเองเป็นพลเมืองชั้นสอง และรัฐพยายามใช้กำลังจัดการกับปัญหา จึงเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลดปัญหาความไม่สงบนี้

“สถานการณ์ชายแดนใต้ไม่มีทางที่จะดีขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญนี้... รัฐมีแนวทางแก้ปัญหาคือ 1. การใช้กำลังทหารและตำรวจในการรักษาความมั่นคง 2. การพัฒนาพื้นที่คุณภาพชีวิต  3. การส่งเสริมทางสังคมและวัฒนธรรม พบว่าแนวทางดังกล่าวมีปัญหา เพราะแนวทางเหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของกองทัพ ซึ่งที่จริงไม่ควรเป็นงานด้านความมั่นคง แต่ทหารกลับมามีอำนาจและมีบทบาทในทุกด้าน อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาของประเทศไทย อาจไม่ต้องอยู่กันเป็นรัฐเดียวหรือรวมศูนย์ก็ได้ การแก้รัฐธรรมนูญ อาจแก้มาตรา 1 ด้วย ก็ไม่แปลกอะไร” นางชลิตา ระบุ

นายรักชาติ สุวรรณ อายุ 55 ปี ประธานเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ หนึ่งในผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา เปิดเผยว่า ตนเองไปร่วมงาน เนื่องจากได้รับเชิญจากพรรคฝ่ายค้าน ในฐานะภาคประชาสังคมที่เป็นนักเคลื่อนไหวในพื้นที่ และเห็นว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปควรทราบ

“คิดว่าประเด็นเหล่านี้ มันต้องคุยกัน อย่าไปปิดกรอบ เราก็ต้องชัดเจนว่า มาตรา 1 ที่บอกว่าราชอาณาจักรไทยไม่สามารถแบ่งแยกได้ คิดว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่ให้แบ่งแยกอยู่แล้ว โดยส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วย... เท่าที่ฟังดูมีการพูดถึงมาตรา 1  เหมือนกับทุกมาตรา เราสามารถดูได้ เราสามารถทบทวนได้ แต่มันไม่ใช่ว่าต้องแก้มาตรา 1” นายรักชาติ ระบุ

ประวิตรปัดรัฐสั่งแจ้งความ

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องนี้ว่า การดำเนินการครั้งนี้ของ กอ.รมน. ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล หลังสื่อมวลชนถามว่า รัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ กับการแจ้งความครั้งนี้

“เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย กอ.รมน. ภาค 4 เขาคงพิจารณาดูแล้วนะ ยังไม่ได้ไปรู้เรื่องเลยนะรัฐบาล มันผิดหรือเปล่า ต้องดูข้อกฎหมาย เขาก็ดูข้อกฎหมาย คำพูดเขา เขาไปไหนไปได้ ไม่ได้ว่าอะไร คำพูดเขาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญนี่แหละ...”

เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวแทรกว่า มันเป็นความเห็นของนักวิชาการคนเดียวนะคะ พลเอกประวิตร ตอบกลับว่า “ก็นั่งอยู่ด้วยกัน ก็ต้องคัดค้านกันดิ ผมยังไม่รู้นะ ภาค 4 ยังไม่บอกมา แต่ก็ดู ดูแล้วว่าผิด”

ด้านนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวแก่สื่อมวลชน ณ ที่ทำการพรรคว่า การแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่จัดเสวนารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการพยายามปิดปากผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ ซึ่งเป็นการใช้วิธีเดียวกันกับช่วงที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังมีอำนาจอยู่

“ในส่วนพรรคฝ่ายค้านเองก็ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจในการขับเคลื่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เสียดายอยู่ที่สภาปิด เพราะถ้าสภาเปิด เรื่องนี้ก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะถามไปยังนายกรัฐมนตรีว่าท่านมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคฝ่ายค้านจะไม่แตะต้อง หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ แต่จะดำเนินการเรียกร้องให้แก้เรื่องสิทธิเสรีภาพ ที่มา ส.ว. และองค์กรอิสระ เมื่อเปิดประชุมสมัยสามัญก็จะนำเรื่องการแกรัฐธรรมนูญเข้าที่ประชุมวาระแรก ตามที่ได้คุยกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

นนทรัฐ ไผ่เจริญ ร่วมรายงานข่าวชิ้นนี้

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง