แรงงานไทย 61 คน เข้าแจ้งความถูกหลอกไปทำงานที่เมืองดูไบ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2017.11.13
กรุงเทพฯ
171113-TH-workers-1000.JPG รองผู้บัญชาการ สตม. พูดคุยกับแรงงานถึงสภาวะการณ์ และเอกสารที่นำมายื่นเพิ่ม ที่สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กรุงเทพ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช/เบนาร์นิวส์

ในวันนี้ (13 พย. 2560) แรงงานไทยจำนวน 61 คน ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมด้วยนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศ (ด้านกระบวนการยุติธรรม) ได้นำเอกสารหลักฐานยื่นให้ พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารณชัย รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อทำการสืบสวนทางลึกเอาผิดนายจ้างข้อหาค้ามนุษย์ และประสานขอความช่วยเหลือในการติดตามเงินค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับต่อไป

“วันนี้ได้นำคลิปเสียง ภาพถ่าย และเอกสารหลักฐาน มามอบให้พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อใช้ในการสอบสวนเชิงลึกในส่วนของการฉ้อโกงและการค้ามนุษย์ ซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เป็นเจ้าภาพในการประสานไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อขยายผลในส่วนของข้อหาค้ามนุษย์ต่อไป” นายสงกรานต์ กล่าวกับสื่อมวลชน

นายสงกรานต์ ยังระบุอีกว่า แรงงานไทยกลุ่มนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากจำนวนกว่า 130 คน ที่ถูกชักชวนให้ไปทำงานเป็นช่างเชื่อมในนครดูไบ อ้างว่าจะได้ค่าจ้างในอัตราสูง มีที่พัก อาหารให้พร้อม แต่เมื่อไปแล้วไม่เป็นไปตามคำพูดชักชวนให้มาทำงาน ซ้ำยังถูกลอยแพ แต่ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากแรงงานทั้งหมดถูกยึดพาสปอร์ตไว้ มีชีวิตที่ลำบาก แรงงานบางคนยังไม่ได้รับค่าจ้าง จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือติดตามเงินค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับด้วย

ด้าน พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารณชัย รองผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เป็นตัวแทนผู้บัญชาการ สตม. ในการเข้ารับหลักฐานต่างๆ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะเร่งให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบหลักฐานว่าเข้าข่ายความผิดใดอีกบ้าง พร้อมยืนยันหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการโดยทันทีไม่รอช้า โดยในเบื้องต้น พบความผิดบางส่วนเกี่ยวกับเรื่องการจัดหางาน แต่จะเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ต้องรอดูต่อไป

“เบื้องต้น เราไม่พบเรื่องค้ามนุษย์ จึงแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลต่อไป ซึ่งก็มีกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เพราะเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องค้ามนุษย์และแรงงาน” พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารณชัย กล่าว

ทางด้านแรงงานกล่าวกับผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ ว่า รู้สึกดีใจที่ทางทนายสงกรานต์ ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ เพราะอยู่กันยากลำบาก ไม่มีเงิน และไม่มีที่อยู่ จึงกระจายข่าวกันทางโซเชียลมีเดีย และมีคนไทยในนครดูไบ เข้าไปดูแลด้านอาหารช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่น

นายวสันต์ ใจตรง อายุ 40 ปี แรงงานจากจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะถูกเอาเปรียบ เพราะที่ผ่านมาตนเองได้เดินทางไปทำงานยังประเทศ นอร์เวย์ สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้ ในตำแหน่งช่างเชื่อมมาก่อน และอยากฝากให้แรงงานที่อยากไปหางานทำในต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทจัดหางานก่อนจะโดนหลอกเหมือนตน และเพื่อนๆ

“ทำงานได้ประมาณสองเดือน เขาก็ปลดเราโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า บอกว่างานของเราไม่ได้มาตรฐานตรงกับการจ้างงานของประเทศเขา การจ่ายเงินก็ล่าช้า และไม่เป็นไปตามสัญญา โดนหักเงินไปหมื่นกว่าบาท ซึ่งไม่รู้ว่าหักค่าอะไรบ้าง”

“ตอนโดนปลดใหม่ๆ ไปไหนไม่ได้เพราะโดนยึดพาสปอร์ตไว้ ไม่มีที่อยู่ ก็ไปนอนรวมกันในห้องหนึ่ง ลำบากมากเหมือนเอาเราไปกักขังไว้ เราไม่มีรายได้ ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเราไปไหนต่อ ไม่รู้อนาคต ไม่รู้อะไรเลย ค่อนข้างกังวล ตอนนี้ขอพักจัดการเรื่องคดีก่อน แล้วก็จะหางานทำเมืองนอกเหมือนเดิม”

ด้านนายสมศักดิ์ หมอกโคกสูง อายุ 40 ปี แรงงานจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวกับผู้สื่อข่าวเบนาร์นิวส์ ว่า รู้สึกผิดหวัง และเสียใจมาก ไม่คิดว่าจะตกเป็นเหยื่อของการแสวงหาผลประโยชน์แบบนี้ กับแรงงานที่ลงทุนไปทำงานต่างประเทศด้วยความหวังว่าจะหาเงิน เพื่ออนาคตที่ดีของครอบครัว แต่ต้องกลับมาเป็นหนี้เพิ่มจากเดิม อยากให้เจ้าของบริษัททั้งหลายคิดว่า ถ้าแรงงานของตนมีงานทำ มีเงินที่ดีที่เมืองไทยคงไม่ไปทำงานต่างประเทศหรอก

“ใจมันแย่มาก ผมไปทำงานเมืองนอกเป็นครั้งแรก ก็โดนลอยแพเลย ตอนนั้นอยากกลับบ้านมาก แต่ไปไหนไม่ได้เลย ค่าใช้จ่ายที่ดูไบสูงมาก เรายังไม่ได้เงิน ไม่มีที่นอน ต้องไปนอนกับเพื่อนในห้อง 3x3 เมตร อัดกันถึง 12 คน เจ้าของบริษัทฯ คนไทยก็ไม่สนใจ นายจ้างที่โน่นบอกว่าโอนเงินไปให้ที่ประเทศไทยหมดแล้ว ก็คิดมากเรื่องค่าใช้จ่าย และครอบครัวทางเมืองไทยก็รอเงินจากเรา” นายสมศักดิ์กล่าว

แรงงานทั้งหมดบอกกับเบนาร์นิวส์ว่า ไม่รู้สึกเข็ดกับการกระทำของบริษัทฯ รับหางาน หรือการโดนลอยแพในครั้งนี้ และยังจะคงไปทำงานในต่างประเทศ แต่จะเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทจัดหางาน รายละเอียดของงาน ให้มากขึ้น เพราะอย่างไรก็ตามแรงงานไทยยังเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ และเมืองไทยก็ไม่มีงานให้พวกเขาทำ

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง