พล.อ.ประยุทธ์ สั่งแก้ไขปัญหาหญิงชายแดนใต้ถูกหลอกไปมาเลเซีย

ทีมข่าวเบนาร์นิวส์
2017.02.01
ปัตตานี
TH-women-620 นางฮามีด๊ะ สาและ (ซ้ายมือ) พูดคุยกับ พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร ผบ.ฉก.ทพ.47 ที่มาเยี่ยมที่บ้าน ในบ้านเจาะกลาดี ยะลา วันที่ 30 ม.ค. 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันอังคารที่ผ่านมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ตนเองได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากทางการมาเลเซียถึงกรณีการดำเนินคดีกับนายหน้า ที่หลอกลวงหญิงสูงอายุไทยทำงานในมาเลเซียโดยผิดกฎหมาย

พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า ขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการแก้ปัญหาต้องทำให้ครบวงจร คือ แก้ใน 3 ส่วน ได้แก่ ผู้ประกอบการ นายหน้า และเหยื่อ

“อยู่ๆ จะให้ผมไปดำเนินดคีเลยคงไม่ได้ ก็มันอยู่ฝั่งโน้น ทางโน้นก็ทำไป ถ้ามันโยงฝั่งนี้ ก็ส่งข้อมูลมา ผมก็จับ ส่วนเรื่องเหยื่อ ก็ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปดูแล สร้างรายได้ สร้างงาน ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็ดูแลเรื่องการเดินทางไปทำงาน ต้องแก้ปัญหาทั้ง 3 ส่วน คือผู้ประกอบการ ถ้าทำผิดกฎหมายก็ว่าไปตามผิด นายหน้าก็เช่นกัน ส่วนเหยื่อก็ต้องดูแลตามที่บอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ในระหว่างการช่วยเหลือหญิงไทย 21 คน ที่ถูกหลอกไปเมื่อปลายเดือนกันยายน ปีที่แล้ว มีรายงานจากสถานทูตไทยว่า ทางการมาเลเซียได้จับกุมนายหน้าสองรายดำเนินคดีค้ามนุษย์ และกันตัวหญิงไทย 21 คน ไว้เป็นพยานและปล่อยตัวกลับบ้านเกิดเป็นชุดแรก 12 คน เมื่อเร็วๆ นี้

ในวันนี้ นางฮามีด๊ะ สาและ หนึ่งในหญิงไทย 12 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่มาเลเซียปล่อยตัวกลับบ้านชุดแรก หลังถูกควบคุมตัวเป็นพยานในคดีค้ามนุษย์ กล่าวว่า ตนเองรู้สึกดีใจที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับหญิงสูงอายุเช่นพวกตน

"รู้สึกดีใจที่นายกของเราให้ความสำคัญกับปัญหาของผู้หญิงแก่ๆ" นางฮามีด๊ะ ผู้ซึ่งสามีเสียชีวิตลงในระหว่างที่ถูกกักตัวในประเทศมาเลเซีย กล่าว แก่ผู้สื่อข่าว ที่บ้านพักในบ้านเจาะกลาดี หมู่ 8 ตำบลยะหา จังหวัดยะลา

นางฮามีด๊ะ กล่าวว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านเกิด ในตอนแรกหลังถูกปล่อยตัว ไม่มีใครมาเยี่ยมหรือให้กำลังใจเลยรู้สึกน้อยใจ ต่อเมื่อ พ.อ.ชลัช ศรีวิเชียร ผบ.ฉก.ทพ.47 ได้มาเยี่ยมมาให้กำลังใจ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็รู้สึกอุ่นใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งทาง พ.อ.ชลัช จะจัดงานทำบุญให้สามีของนางอีกด้วย

"นางฮามีด๊ะ ยังเศร้าที่ต้องเสียสามีไป ยืนยันว่าจะช่วยติดตามเรื่องเงิน 7 หมื่น เรื่องอาชีพ ส่วนการจัดงานทำบุญให้สามีเขา ตอนนี้ ทางครอบครัวขอหารือกันกับผู้นำชุมชนว่าจะพร้อมจัดวันไหน มองว่า จะต้องให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด และต้องสร้างอาชีพที่มั่นคง ให้กับพวกเขาได้ทำงานอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องเดินทางไปมาเลเซียอีก" พ.อ.ชลัช กล่าว

นอกจากนี้ พ.อ.ชลัช ยังได้เข้าเยี่ยม น.ส.สะละมา บาโล อายุ 51 ปี นางลีหม๊ะ เจะโด อายุ 65 ปี นางลิเยาะ สุหลง อายุ 82 ปี ในพื้นที่อำเภอกาบัง จังหวัดยะลาอีกด้วย

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าววานนี้ว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า พบหญิงไทยจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกกักตัวไว้เป็นพยานในฐานะผู้เสียหายจากค้ามนุษย์ จำนวน 177 คน กระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ หลายเมืองในประเทศมาเลเซียนั้น ทาง พม.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว พบว่า หญิงไทยกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซียโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งยังไม่ทราบข้อเท็จจริงชัดเจน และไม่ยืนยันว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์หรือไม่ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น และมีบางส่วนได้รับการช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

“เมื่อหญิงไทยกลุ่มนี้ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ และกลับถึงประเทศไทย ทาง พม.จะประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยส่งทีมสหวิชาชีพเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งมอบหมายให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด 3 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และสงขลา ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านหญิงไทยทั้งหมด เพื่อติดตามให้การช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวงต่อไป”

ขณะที่นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศอ.บต. กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าการไปทำงานที่มาเลเซียโดยไม่มีการขอใบอนุญาตทำงาน หรือ Work Permit อย่างถูกต้อง ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งทางรัฐบาลมาเลเซียมีมาตรการจับกุมอย่างเข้มงวด และมีโทษหนักมาก ศอ.บต.ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนมาอย่างต่อเนื่อง

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง