เจ้าหน้าที่จับชาวเมียนมาที่ถูกนำพามา กว่าห้าสิบคน
2019.07.12
ปัตตานี

ในวันศุกร์นี้ พ.ต.อ.โกศล ปราบกรี ผู้กำกับการ สภ.ควนมีด อำเภอจะนะ สงขลา ได้นำกำลังเข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 50 คน ซึ่งถูกขบวนการค้ามนุษย์นำมาทิ้งไว้ในสวนยางพารา เพื่อรอนายหน้าพาเดินทางต่อไป เพื่อข้ามแดนไปประเทศมาเลเซีย
พ.ต.อ.โกศล กล่าวว่า กลุ่มต่างด้าวดังกล่าว เป็นชาย 43 คน หญิง 7 คน อายุตั้งแต่ 14 ปี ถึง 40 ปี อยู่ในป่าสวนยางพาและสวนผลไม้ ห่างจากถนนสายเอเชียขาเข้าอำเภอจะนะ ตรงบริเวณพื้นที่ หมู่ 8 บ้านทุ่งส้าน ต.จะโหนง อ.จะนะ เขตรอยต่อระหว่าง อ.จะนะ กับ อ.นาหม่อม จ.สงขลา
“จากการสอบสวนทราบว่า แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมากลุ่มนี้ได้เดินทางกันมาเป็นกลุ่ม รวม 6 กลุ่ม ถูกเครือข่ายค้ามนุษย์นำมาทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อรอนายหน้ามารับช่วงต่อเดินทางเข้าไปยังปลายทางที่ประเทศมาเลเซีย” พ.ต.อ.โกศล กล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
พ.ต.อ.โกศล กล่าวอีกว่า ทั้งกลุ่มดังกล่าว น่าจะถูกส่งออกไปยังชายแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่มักจะถูกส่งออกไปเป็นประจำ โดยทุกคนอยู่ในสภาพอิดโรยและโหยหิว บางคนเริ่มมีอาการไข้ เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยเหลือในเบื้องต้น
“จากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาสอบสวนและคัดแยกชาวเมียนมากลุ่มนี้ ถึงเส้นทางที่เดินเข้ามา และผู้นำมา รวมถึงนายหน้า เพื่อขยายผลติดตามจับกุมต่อไป และทางเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว เเละป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ ซึ่งเป็นชุดที่เกาะติดการขนแรงงานต่างด้าว และเครือข่ายการค้ามนุษย์จะเข้ามาร่วมดำเนินการเรื่องนี้อีกด้วย” พ.ต.อ.โกศล กล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2562 นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอสะเดา พร้อมด้วยนายอภิชาต กำเนิดทอง กำนันตำบลพังลา พร้อมกำลัง อส.อำเภอสะเดา และกำลังฝ่ายปกครองตำบลพังลา เข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 7 คน ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ขณะถูกนำมาพักไว้ในป่าสวนยางรกทึบ ในพื้นที่บ้านม่วงก็อง หมู่ 7 ต.พังลา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เขตรอยต่อระหว่าง อ.สะเดา กับ อ.หาดใหญ่ โดยแต่ละคนมีกระเป๋าสัมภาระพร้อมเดินทางและอาศัยหลับนอนอยู่ในป่าสวนยาง โดยใช้เสื้อผ้ารองพื้นและกันฝน
จากการสอบสวนทราบว่า แรงงานดังกล่าวถูกนำมาซ่อนไว้เมื่อคืนก่อนหน้านั้น และรอให้นายหน้ามารับช่วงต่อ โดยคาดว่าจะข้ามแดนไปยังจุดหมายปลายทางในประเทศมาเลเซีย
เมื่อช่วงก่อนกลางเดือนมิถุนายน ได้มีขบวนการค้ามนุษย์ ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญากว่าหกสิบคน ที่เรือมาเกยหาดเกาะราวี ในภายหลัง พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.ภ.จว.สตูล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาค้ามนุษย์และอื่นๆ ต่อนายสังคม พาพันธุ์ อายุ 49 ปี ไต้ก๋งเรือชาวจังหวัดระนอง และชาวเมียนมา 5 คน ซึ่งเป็นผู้นำพา รวมทั้งได้จับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีกสองราย คือ นายอนิซุร เราะห์มาน หรือ มาเล็ก (Anisur Rohaman) ชาวโรฮิงญา และนายพิทักษ์ หรือเปี๊ยก ลอดเอ่น
เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ได้ช่วยเหลือชาวยะไข่ จากประเทศเมียนมา ซึ่งมีเด็กอายุต่ำกว่าหกขวบ รวมอยู่ด้วย 3 คน ให้หลุดพ้นจากการควบคุมของผู้นำพาจากโกดังร้างแห่งหนึ่ง ในปาดังเบซาร์ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเลียบรั้วชายแดนไทย-มาเลเซีย ได้อีก 20 คน อีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอุสมาน เหล๊าะ หรืออ้น อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู 2 ต.ปาดังเซาร์ อ.สะเดา สงขลา และพวกอีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยนำพาต่างด้าวกลุ่มดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ในระยะหกเดือนที่ผ่านมานี้ ได้มีรายงานการพบชาวเมียนมา และโรฮิงญา ถูกนำพาผ่านประเทศไทยมากขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
“ที่ผ่านมาเราได้ทำการจับกุมอย่างต่อเนื่อง ใน 6 เดือน สามารถจับกุมต้องหาได้ 151 คน อยู่ในระหว่างการตำเนินคดี และช่วยเหลือเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ได้กว่า 1 พันคน ที่ผ่านเรามีมาตราป้องกันการค้ามนุษย์แบบเชิงลึก สามารถกวาดล้างขบวนการได้อย่างต่อเนื่อง” พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ดูแลศูนย์พิทักษ์เด็กฯ กล่าวแก่ผู้สื่อข่าวในก่อนหน้านี้
ด้านองค์กรฟอร์ติฟายไรท์ กล่าวว่า ปัจจุบัน เฉพาะส่วนของชาวโรฮิงญา พบว่ายังมีตกค้างอยู่ในประเทศไทย ประมาณ 150 คน โดยได้รับความช่วยเหลือจากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระจายอยู่สถานที่สงเคราะห์ต่างๆ ได้แก่ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพังงา สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (บ้านศรีสุราษฎร์) จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จ.สงขลา (บ้านพัก อ.รัตภูมิ) รวมทั้ง ที่ทำการ ตม. ในจังหวัดพังงา ระนอง และ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
เมียนมาต้อนรับผู้อพยพกลับบ้านจากค่ายอพยพในไทย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่าน ตามรายงานทางเวบไซต์ของ Eleven Media Group เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศพม่า ได้ต้อนรับผู้ลี้ภัยการสู้รบ ที่หนีมาพักพิงในประเทศไทยนานหลายทศวรรษกลับคืนสู่ประเทศ ผ่านทางรัฐคะยิ่นและชาวคะยา รวม 310 คน ซึ่งนับเป็นกลุ่มที่สี่
นายออง จ่อ ซาน รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศเมียนมา กล่าวว่า ผู้เดินทางคืนถิ่น 310 คน ซึ่งนับเป็นกลุ่มที่สี่ ที่เต็มใจเดินทางกลับประเทศ ตามกลไกความร่วมมือของประเทศเมียนมา และประเทศไทย ซึ่งได้รับพลเมืองคืนแล้วประมาณ 900 คน