ไทยทำหนังสือขออังกฤษส่งกลับ นส.ยิ่งลักษณ์
2018.07.31
กรุงเทพฯ
ในวันอังคารนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้ส่งหนังสือไปหารัฐบาลสหราชอาณาจักร เพื่อขอให้ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมารับโทษจำคุก 5 ปี จากความผิดในคดีละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า กรณีนี้ไม่ได้มีการหารือกับนางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร เป็นการพิเศษแต่อย่างใด
การเปิดเผยของ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้ สืบเนื่องจากการที่สำนักข่าวบีบีซี เผยแพร่จดหมายของสถานเอกอัครราชทูตไทย ในสหราชอาณาจักร ลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ที่ส่งถึงกระทรวงการต่างประเทศ สหราชอาณาจักร ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปว่า รัฐบาลไทยขอให้สหราชอาณาจักร ส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับมายังประเทศไทย เพื่อรับโทษตามกฎหมาย หลังมีหลักฐานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงรายดังกล่าว พำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร
“สถานเอกอัครราชทูตไทยขอส่งความปรารถนาดีมายังกระทรวงการต่างประเทศ เรามีความยินดี และเป็นเกียรติที่จะอ้างอิงถึงสนธิสัญญาระหว่างสหราชอาณาจักร และสยามปี 1911 ที่ว่าด้วยการส่งตัวอาชญากรผู้หลบหนีคดีกลับประเทศ ภายใต้คำสั่งการของรัฐบาลไทย และบทบัญญัติในสนธิสัญญาดังกล่าว ทางสถานทูตจึงขอใช้สิทธิร้องให้ส่งตัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บุคคลที่มีสัญชาติไทย และเชื่อว่าพำนักอยู่ในสหราชอาณาจักร กลับประเทศไทย” ตอนหนึ่งของจดหมายระบุ
“นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการนำตัวมารับโทษจำคุก 5 ปี หลังคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาว่า เขามีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ด้วยเหตุนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงออกหมายจับตั้งแต่มีคำตัดสินเมื่อ 27 กันยายน 2561 เพื่อนำตัว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มารับโทษ” จดหมายระบุ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การร้องขอครั้งนี้ เป็นการดำเนินตามขั้นตอนของกฎหมาย ผ่านขั้นตอนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการต่างประเทศ
“กรณีขออังกฤษส่งตัวเป็นการทำตามขั้นตอน สตช. อัยการสูงสุด กระทรวงต่างประเทศ เขามีหน้าที่ของเขาในการต้องส่ง เหตุคือเห็น แต่การที่เราจะไปจับใครในต่างประเทศ เราจับเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องของประเทศนั้นจะจับตัวส่งเรา ถ้าเขายังไม่ตอบเอกสารมา ไม่ตอบเป็นทางการ มันก็จับไม่ได้ เหมือนกับบ้านเมืองของเรามันก็มีกฎหมายของเรา ใครขอเรามา เราจะส่งหรือไม่ส่ง เราก็ต้องพิจารณา เป็นเรื่องของเรา ก็เหมือนกันประเทศอื่นเขาก็ทำแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อสื่อมวลชน หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล
“ตราบใดที่รัฐบาลทำครบหลักเกณฑ์กฎหมายแล้ว จะได้ตัว ไม่ได้ตัว ก็เป็นเรื่องของต่างประเทศ พิจารณาตัดสินใจว่าเขาจะส่งหรือไม่ส่ง ก็มีหลายคดีเหมือนกันที่เราดำเนินการในประเทศไทย ผมไม่จำเป็นต้องไปหารือกับเทเรซ่า เมย์ เพราะมันเป็นเรื่องของกลไกของรัฐที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ขณะเดียวกัน นายดอน ปรมัตวินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลถึงเรื่องดังกล่าวระบุว่า การส่งหนังสือครั้งนี้เป็นการทำงานตามขั้นตอนปกติ จึงไม่มีการรายงานเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น นายดอนจึงทราบรายละเอียดกรณีนี้
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินให้ลงโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญาต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จากความผิดในคดีรับจำนำข้าวฯ โดยให้เหตุผลว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์รับรู้การทุจริตในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) แต่ไม่ดำเนินการยับยั้ง จึงถือเป็นการละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ อย่างไรก็ตาม ศาลเคยนัด น.ส.ยิ่งลักษณ์มาฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 แล้วหนึ่งครั้ง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เดินทางมาตามนัด และไม่มีใครพบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกเป็นเวลาหลายเดือน กระทั่งวันที่ 29 ธันวาคม 2560 มีการเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในประเทศอังกฤษ เป็นครั้งแรกบนอินเตอร์เน็ต และหลังจากนั้นมีการเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขณะอาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษอีกหลายครั้ง รวมถึงเผยแพร่ภาพคู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นกัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ พบชะตากรรมเช่นเดียวกับ นายทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 จนกระทั่งถูกรัฐประหารในปี พ.ศ.2549 นายทักษิณอาศัยอยู่ต่างประเทศหลังจากนั้น แต่เดินทางกลับมาประเทศไทยในปี พ.ศ.2551 จากนั้นก็เดินทางออกนอกประเทศ ไปในหลายประเทศ รวมทั้งดูไบ หลังจากที่เขาถูกตัดสินจำคุกสองปีในคดีฉ้อฉลที่ดิน และยังไม่ได้กลับมาประเทศไทยอีกเลย