ครอบครัวน้องเมย ร้องแพทยสภาเอาผิดแพทย์พระมงกุฎทำอวัยวะเสียหาย
2018.08.22
นนทบุรี

ในวันพุธนี้ ครอบครัวของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตระหว่างการฝึกในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อแพทยสภาให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งจัดเก็บอวัยวะของนายภคพงศ์ แต่เกิดความเสียหายจนไม่สามารถตรวจพิสูจน์ทางการแพทย์ได้
นายพิเชษฐ ตัญกาญจน์ (บิดา) นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ (มารดา) และน.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของนายภคพงศ์ เดินทางมายังแพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ในช่วงเช้าของวันพุธ และเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า ในระยะเวลา 10 เดือนของการตรวจสอบค้นหาสาเหตุการเสียชีวิต และเอาผิดกับผู้ที่ทำให้นายภคพงศ์เสียชีวิต ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจน เนื่องจากอวัยวะที่เป็นหลักฐานสำคัญในการตรวจพิสูจน์ มีความเสียหายจากการจัดเก็บ ขณะที่โรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ไม่อำนวยความสะดวกเรื่องหลักฐานที่ครอบครัวร้องขอ
น.ส.สุพิชาระบุว่า ตนมายื่นหนังสือต่อแพทยสภาเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการทำหน้าที่ของแพทย์ที่เก็บรักษาอวัยวะของนายภคพงศ์ และถ้าหากพบว่าทำหน้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ต้องการให้ดำเนินมาตรการบางอย่างเพื่อแก้ไข
“มีปัญหาตรงที่ว่า การเก็บดองอวัยวะ จากกองพยาธิวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ทำให้เนื้อเยื่อเสียหายจนไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอวัยวะนั้นเป็นของใคร ผลชันสูตรมีสองฉบับ เรามาให้แพทยสภาดูว่าจะยึดของฉบับไหน การทำงานมีมาตรฐานหรือเปล่า ติดใจเพราะว่าภายในระยะเวลาเดือนนิด ๆ การดองอวัยวะทำให้เนื้อเยื่อเสื่อมสลายไปมาก ไม่ทราบว่าเจตนาปกปิดอะไรหรือเปล่า ถึงได้ดองมาแบบนี้” น.ส.สุพิชากล่าว
ด้านแพทยสภา ซึ่งมีศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานโดยตำแหน่ง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นิติกร ประจำแพทยสภา (สงวนชื่อและนามสกุล) เป็นผู้รับหนังสือ
“ขั้นตอน ก็จะตั้งกรรมการสอบสวนพิจารณาต่อไป ถ้ามีข้อเท็จจริงก็จะเสนอแพทยสภา ถ้าแพทยสภาพิจารณาว่าคุณหมอผิดจริงก็จะมีการลงโทษ ตั้งแต่ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาต เพิกถอนอนุญาต ถ้าผู้เสียหายไม่พอใจคำตัดสินของแพทยสภา ก็อาจใช้สิทธิศาลปกครอง เพิกถอนคำสั่ง” เจ้าหน้าที่นิติกรกล่าวแก่สื่อมวลชน
น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของนายภคพงศ์ เปิดเผยว่า ครอบครัวได้แจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล 4 คน ที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว แต่คดีได้เข้าสู่ชั้นศาลทหารเพียง 1 คดี และมีความยากลำบากในการหาหลักฐาน และพยาน
“สิบเดือน ถ้าเป็นตรงสำนวนชันสูตรยังไม่คืบเลย เรื่องทางอาญา แจ้งความไปสี่ ขึ้นศาลไปแล้วหนึ่ง ที่เหลือยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน (ในการขอพยานหลักฐาน) เจ้าหน้าที่ที่คุมนักเรียนไม่ว่าง บางทีนักเรียนก็เปิดเทอม ตรงนี้จะล่าช้า มันยืดเยื้อ ไม่ได้รับความร่วมมือ ขอเข้าไปดูกล้องวงจรปิด พนักงานสอบสวนให้ติดต่อโรงเรียนเตรียมทหาร เราก็ทำหนังสือไปยื่น แต่เขาก็โทรมาปฏิเสธ ขออะไรไป เขาก็ปฏิเสธ มันก็ติดขัดอยู่ตรงนี้” น.ส.สุพิชากล่าว
นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อายุ 18 ปี เป็นนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยก่อนการเสียชีวิต 2 วัน มีนักเรียนเตรียมทหารบังคับบัญชา (รุ่นพี่) 4 คนได้เรียกนายภคพงศ์เพื่อไปธำรงวินัย หรือลงโทษในเวลากลางดึก
โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าระบุว่า นายภคพงศ์เสียชีวิตจากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ครอบครัวได้นำร่างของนายภคพงศ์ไปผ่าพิสูจน์ในวันที่ 24 ตุลาคม 2560 และพบว่า สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะสูญหาย ปอดและไตสูญหายไปบางส่วน และกระดูกซี่โครงฝั่งขวาซี่ที่สี่หัก จึงเรียกร้องโรงเรียนเตรียมทหารให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว และขอให้ส่งอวัยวะที่หายไปคืนให้กับครอบครัว เพื่อนำไปตรวจพิสูจน์การเสียชีวิต แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
ครอบครัวจึงได้นำเรื่องดังกล่าวเปิดเผยต่อสื่อมวลชน และในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าและกองบัญชาการกองทัพไทยได้แถลงข่าวร่วมกันระบุว่า คณะแพทย์ได้ทำการเก็บอวัยวะบางส่วนของนายภคพงศ์เอาไว้ เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด แต่ยังไม่ได้แจ้งครอบครัวของนายภคพงศ์ และคืนอวัยวะของนายภคพงศ์ให้กับครอบครัวในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งครอบครัวได้ส่งต่อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบ
ในวันที่ 15 ธันวาคม 2560 กองบัญชาการกองทัพไทยได้แถลงข่าว เปิดเผยการสอบสวนการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ โดยระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายภคพงศ์ไม่ได้เกิดจากการถูกซ้อม หรือธำรงวินัยตามที่สื่อมวลชนหรือครอบครัวตั้งข้อสังเกต แต่เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และยังระบุว่า ไม่พบรอยฟกช้ำในร่างกายของนายภคพงศ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ระบุว่า ชิ้นส่วนอวัยวะของนายภคพงศ์ที่ได้รับจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ไม่สามารถระบุตัวตนได้ เนื่องจากมีความเสียหายมาก และวันที่ 28 มีนาคม 2561 ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จ.ปราจีนบุรี รับฟ้องคดีที่ครอบครัวของนายภคพงศ์เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องรุ่นพี่ที่สั่งธำรงวินัยแล้วหนึ่งราย ปัจจุบัน คดีอยู่ในชั้นศาล