ศาลฎีกา: ยกฟ้องทักษิณคดีอนุมัติแผนกู้สถานะทีพีไอ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.08.29
กรุงเทพ
180829-TH-thaksin-620.jpg ประชาชนชุมนุมที่ย่านสีลมเพื่อประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร วันที่ 6 พ.ย. 2556
เบนาร์นิวส์

ในวันพุธนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีมติเสียงข้างมากพิพากษาให้ยกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เหตุไม่มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ยื่นฟ้อง ขณะที่ ป.ป.ช. ขอศึกษาคำพิพากษาก่อนจะพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ภายใน 30 วัน

สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีเห็นชอบและยินยอมให้กระทรวงการคลังเข้าไปเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนทั้งที่ไม่มีอำนาจ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อระบบราชการ

ทั้งนี้ อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะจำเลย ไม่ได้ตั้งทนายมาซักค้านในการพิจารณาคดีนี้แต่อย่างใด กระบวนการไต่สวนพยานของศาลจึงเสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงสามเดือนเศษ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้จะไม่มีกฎหมายให้กระทรวงการคลังในการเข้าไปฟื้นฟูกิจการของเอกชน แต่กระทรวงการคลังมีหน้าที่กำกับดูแลการเงิน การคลังของประเทศ ซึ่งบริษัททีพีไอ ถือเป็นบริษัทปิโตรเคมีและพลังงานขนาดใหญ่ของประเทศ รวมถึงมีพนักงานกว่า 7 พันคน อีกทั้งการประสบปัญหาด้านการเงินของบริษัท ไม่ได้มาจากการบริหารที่ผิดพลาด แต่เกิดขึ้นเพราะการประกาศค่าเงินบาทลอยตัวของรัฐบาลขณะนั้น ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจ ทำให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้นรวมกว่า 1 แสน 3 พันล้านบาท ในชั่วข้ามคืน ฉะนั้น หากไม่เข้าไปแก้ไขปัญหา จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

“จึงมีเหตุผลโดยชอบที่กระทรวงการคลังในการเข้าไปฟื้นฟู ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการ เจ้าหนี้ คือธนาคารกรุงเทพ กับลูกหนี้ คือ บริษัททีพีไอ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง โดยไม่ปรากฎหลักฐานเป็นการก้าวก่ายเอกชน ไม่ใช่การเข้าไปแทรกแซง หรือครอบงำกิจการ และอยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะกำหนดตัวบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นผู้บริหารฟื้นฟูกิจการ ซึ่งไม่ปรากฎว่าจำเลยมีส่วนได้เสีย หรือได้รับประโยชน์ในการเข้าปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงการคลัง” คำพิพากษาระบุ

“องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากจึงเห็นว่า รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามข้อกล่าวหา พิพากษายกฟ้อง”

นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้อำนวยการสำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นว่า จะนำคำพิพากษากลับไปรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบพยานหลักฐานที่มี เพื่อตัดสินใจว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่

พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถูกยึดอำนาจการปกครองโดยพลเอกสนธิ บุญรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ขณะที่อดีตนายกฯ ร่วมประชุมสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างกว้างขวาง และกระทำการหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่อดีตนายกฯ ได้กลับมาประเทศไทยในเวลาต่อมา จนกระทั่งปี 2551 ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาจำคุก อดีตนายกฯ เป็นเวลา 2 ปี ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นฯ ในการลงนามในฐานะคู่สมรสของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เพื่อประมูลที่ดินรัชดา จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง

คำพิพากษาในวันนี้ ซึ่งถือเป็นคดีแรกที่มีการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ที่เปิดช่องให้ทำได้ เพื่อแก้ปัญหาจำเลยหลบหนีคดีจนต้องจำหน่ายคดีออกจากระบบเป็นการชั่วคราว และทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ องค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ได้ออกหมายจับให้นำตัวอดีตนายกฯ มาสู่กระบวนการยุติธรรม

ปัจจุบันนี้ นายทักษิณ ชินวัตร มีคดีคั่งค้างในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกสี่คดี คือ คดีทุจริตปล่อยเงินของธนาคารเอ็กซิมแบงค์ให้แก่ทางการพม่า คดีทุจริตโครงการเลขท้ายสองตัวและสามตัว คดีทุจริตแปลงสัมปทานมือถือดาวเทียมเพื่อผลประโยชน์แก่บริษัทเครือญาติ และคดีที่เกี่ยวข้องกับธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่มกฤษดามหานคร  นอกจากนั้น ยังมีคดีก่อการร้ายและหมิ่นประมาทกองทัพบก ที่อยู่ในอำนาจศาลอาญาอีกสองคดีอีกด้วย

ล่าสุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้หนีโทษจำคุกในคดีจำนำข้าวตามพี่ชายไปอีกหนึ่งราย โดยทางการไทยได้ขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปเมื่อเร็ว ๆ นี้

แม้ว่านายทักษิณ ต้องหนีไปอยู่ตามประเทศต่าง ๆ เช่น ดูไบ มอนเตนิโกร อังกฤษ แต่นายทักษิณยังพยายามโยงใยการเมืองในประเทศโดยผ่านพรรคการเมืองและนักการเมืองในเครือข่ายของตน ล่าสุดได้ออกมากระตุ้นให้พรรคเพื่อไทยต่อสู้กับรัฐบาลทหารในการเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง