ตำรวจ ปส. ทลายเครือข่าย Dark Social รายใหญ่สุดของประเทศ

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2018.08.27
กรุงเทพฯ
180827-TH-drugs-1000.jpg พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ซ้ายมือ) ตรวจสอบยาไอซ์ของกลางที่ยึดได้จากเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ที่ บช.ปส. วันที่ 27 สิงหาคม 2561
วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช/เบนาร์นิวส์

ในวันจันทร์นี้ ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการปฏิบัติการทลายเครือข่ายการซื้อขายยาเสพติดผ่านสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด หลังสืบพบว่า หัวหน้าขบวนการใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียขายยาเสพติดให้ลูกค้าโดยตรงกว่าหมื่นราย ในกว่า 28 จังหวัดทั่วประเทศ ขณะที่วันนี้ มีปฏิบัติการจับกุมและยึดทรัพย์สินของเครือข่ายอาจโยงถึงขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ

พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณะ ผู้บังคับการข่าวกรองยาเสพติด แถลงผลปฏิบัติการ Mission Dark Social ทลายเครือข่ายขายตรงยาเสพติดผ่านช่องทาง Facebook, Line, WhatsApp โดยมีเครือข่าย “มันส์ทุกเม็ด” เป็นเป้าหมายสำคัญ หลังสืบพบว่าเครือข่ายดังกล่าวใช้เฟสบุ๊กเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าในลักษณะเป็นการขายตรง โดยมีการส่งข้อความเชิญชวนทางเฟสบุ๊กให้เป็นตัวแทนทำธุรกิจขายตรงยาเสพติดของเครือข่ายฯ โดยมีการจูงใจให้ผู้สนใจสามารถรับยาไปขายก่อนได้โดยไม่ต้องใช้เงินทุน เพียงส่งรูปบัตรประชาชน พร้อมเบอร์โทรศัพท์มือถือและที่อยู่ปัจจุบัน มาสมัครเพื่อกำหนดพื้นที่ในการจัดจำหน่ายยาเสพติด นี่ทำให้เครือข่ายฯ สามารถขยายฐานลูกค้ายาเสพติดไปทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วจนมีสมาชิกในเครือข่ายจำนวนมากกว่า 9,600 บัญชี ทั่วประเทศในระยะเวลาเพียง 1 ปี โดยเชื่อว่าแต่ละบัญชีจะมีลูกค้าอย่างน้อย 100 ราย

“ลูกค้าคนไหนติดต่อคนทำให้ได้ 5-10 คน ทางเราให้งานฟรีเลย 50 เม็ดฟรี ๆ” พล.ต.ต.ชยพจน์ แสดงข้อความเชิญชวนของสมาชิกคนหนึ่งในเครือข่ายที่โพสต์ทางเฟสบุ๊ก

“ใครติดต่อคนทำงานให้ผมได้ 5 คน ผมให้เลย 2,000 บาทด่วนและจำนวนมาก” ข้อความเชิญชวนจากสมาชิกอีกคนระบุ

ผู้บัญชาการข่าวกรองยาเสพติดระบุเพิ่มเติมด้วยว่า เครือข่ายนี้มีมาตรการจัดการกับลูกค้าที่ค้างชำระค่ายาเสพติด โดยจะส่งบุคคลในเครือข่ายฯ ไปทวงหนี้ หากไม่ยอมจ่ายจะถูกทำร้ายร่างกาย และจะมีการบันทึกเป็นคลิปวิดิโอไว้ แล้วโพสต์ผ่านเฟสบุ๊กเพื่อสร้างความหวาดกลัว

“ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการโพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊กข่มขู่เอาชีวิตคนที่เบี้ยวค่ายาเสพติดหรือบุคคลใกล้ชิด” พล.ต.ต.ชยพจน์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว

นอกจากเครือข่าย “มันส์ทุกเม็ด” แล้ว ตำรวจปราบปรามยาเสพติดยังเข้าตรวจค้นและขยายผลเครือข่าย “ออนไลน์ ข้ามชาติ” ที่นำเข้ากัญชาและน้ำกัญชาจากสหรัฐอเมริกา พร้อมยึดของกลางเป็นยางกัญชาจำนวน 6 หลอด และกัญชาออร์แกนนิค ได้อีกจำนวน 2 ถุง

“การซื้อขายยาเสพติดลักษณะขายตรงมีแนวโน้มที่มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น... เป็นเครื่องมือในการก่ออาชญากรรมประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ซื้อสามารถสื่อสารกับผู้ขายได้โดยตรง” พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข กล่าวกับเบนาร์นิวส์

ปฏิบัติการ Mission Dark Social ระหว่างวันที่ 12 ก.ค. ถึง 27 ส.ค. 2561 สามารถจับกุมได้จำนวน 206 คดี ผู้ต้องหา 243 คน ของกลาง ยาบ้า 16,253,076 เม็ด ไอซ์ 467 กิโลกรัม กัญชา 499 กิโลกรัม กระท่อม 1,230 กิโลกรัม เฮโรอีน 800 กรัม พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อรอการตรวจสอบ รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินที่ยึดได้ทั้งหมดประมาณ 338,851,343 บาท

ขยายผล “มันส์ทุกเม็ด” โยงเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ

ในช่วงเช้าของวันนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและคอมมานโดกองปราบฯ นำหมายศาลบุกเข้าจับกุมนายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานฟอกเงินเกี่ยวกับยาเสพติดและอั้งยี่ ภายในโรงงาน ป.รุ่งโรจน์ จำหน่ายยางรถยนต์ ในอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมอายัดของกลางเป็นทรัพย์และทรัพย์สินทั้งหมดในโรงงาน

“การจับกุมครั้งนี้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่านายรุ่งโรจน์ ได้รับโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติดมันส์ทุกเม็ด ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ก่อนนำเงินมาฟอกผ่านธุรกิจซื้อขายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ โดยมีเงินหมุนเวียนในบัญชีปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวกับผู้สื่อข่าว

นอกจากนี้ ข้อมูลจากการสืบสวนยังพบด้วยว่า เงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่าย “มันส์ทุกเม็ด” จะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะโอนไปให้กับหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทย ส่วนที่สอง จะนำไปปล่อยกู้นอกระบบ และส่วนที่สาม จะนำไปฟอกเงินผ่านธุรกิจโรงงานจำหน่ายยางรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่ง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดพิษณุโลกอีก 2 แห่ง จากปฏิบัติการตรวจค้นโรงงานทุกแห่งพบว่า ยางที่ขายผ่านโรงงานทั้ง 3 แห่ง จะมีราคาต่ำกว่าราคาในท้องตลาด เพื่อให้จำหน่ายสินค้าได้จำนวนมากสอดคล้องกับยอดเงินในบัญชีที่หมุนเวียนอย่างผิดปกติ

นายรุ่งโรจน์ จิรัฐิติกาลพันธุ์ ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายมันส์ทุกเม็ด อ้างว่าตนได้รับเงินเดือนจากโรงงานแห่งนี้เพียงเดือนละ 20,000 บาท ส่วนเงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาทในบัญชีธนาคาร จะขอให้การในชั้นศาล

ด้าน พล.ต.ต. วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเนิด ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์ว่า หัวหน้าเครือข่าย “มันส์ทุกเม็ด” ได้หลบหนีหมายจับไปอยู่กับเครือข่าย “นายวีระ หมื่นจะดา” ลูกเขยของพันเอกจะลอโบ ผู้นำกองกำลังทหารว้า ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า และยังคงทำการขายยาเสพติดผ่านช่องทางเฟสบุ๊กอยู่อย่างต่อเนื่อง

“เครือข่ายมันส์ทุกเม็ด ไม่รู้ว่าเรารู้ข้อมูลของเขาขนาดนี้... วันนี้ ถือว่าเป็นความเสียหายอย่างหนักของเขา” พล.ต.ต. ชยพจน์ ผู้บังคับการฝ่ายข่าวกรองยาเสพติด กล่าวกับเบนาร์นิวส์

“มันเกิดขึ้นแล้ว” พล.ต.ท. สมหมาย กล่าวกับเบนาร์นิวส์ “เราไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ Dark Social แต่เรากำลังสร้างบทเรียนจากงานที่เราทำอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญพิเศษในด้านนี้ ทำให้เรายังต้องศึกษาอีกมากในการติดตามอาชญากรรมทางออนไลน์”

ข้อมูลจากฝ่ายยุทธศาสตร์ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดระบุว่า ในปีงบประมาณ 2561 (1 ต.ค. 2560–20 ส.ค. 2561) จับกุมคดียาเสพติดในทุกข้อหาได้ 1,815 คดี โดยสามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าได้ถึง 48,824,449 เม็ด ยาไอซ์ 5,314.30 กิโลกรัม เฮโรอีน 626.81 กิโลกรัม โคเคน 100.92 กิโลกรัม และกัญชาแห้งอีก 9,374.46 กิโลกรัม โดยยาเสพติดทั้งหมดมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 10,171,176,900 บาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง