กลุ่มก่อความไม่สงบถูกยิงเสียชีวิตหนึ่งรายในการปะทะก่อนวันรายอฮัจย์
2018.08.21
ปัตตานี

ในวันอังคารนี้ เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 42 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มายอ จ.ปัตตานี ได้สนธิกำลังกันเพื่อติดตามบุคคลเป้าหมาย ในพื้นที่บ้านน้ำใส อำเภอมายอ ปัตตานี จนเกิดการปะทะกันขึ้น โดยฝ่ายผู้ต้องสงสัยถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย และถูกจับกุมอีก 5 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มผู้ต้องสงสัยดังกล่าวได้วางแผนก่อกวนการฉลองรายอฮัจย์ ที่จะมีขึ้นในวันพุธนี้
พ.ต.อ.คมกฤช ศรีสงค์ ผู้กำกับการ สภ.มายอ จ.ปัตตานี กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันดังกล่าว เกิดขึ้นที่บริเวณด้านหลังโรงเรียนสอนศาสนายูวะอิสลามมูลนิธิ ในพื้นที่หมู่ที่ 5 บ้านน้ำใส ต.ลุโบ๊ะยิไร อ.มายอ ปัตตานี เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามเข้าจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย 6 คน เนื่องจากมีการข่าวระบุว่า ทั้งหมดจะเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ แต่คนร้ายได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่
"กลุ่มดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่ คาดว่าเพื่อวางแผนที่จะก่อเหตุในช่วงเทศกาลรายอ แต่เจ้าหน้าที่ทราบข่าวก่อน จึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อมตรวจค้น ทำให้เกิดการปะทะฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตหนึ่งราย ส่วนทหารบาดเจ็บหนึ่งนาย" พ.ต.อ.คมกฤช กล่าวแก่เบนาร์นิวส์
พ.ต.อ.คมกฤช กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตคือ นายซัมซูดิน มะสะ มีหมายจับศาลนราธิวาส จำนวน 4 หมาย ส่วนผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าควบคุมตัวได้ คือ นายบัดดรูดีน สาเหาะ นายอับดุลเลาะห์ มาเราะ นายซูลกิฟลี ดือราแซธ นายยะหะ ยาหามะ และนายฮาซัม สมาแห ซึ่งเจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบสวนที่ศูนย์ซักถาม ฉก.ทพ.42 ในปัตตานี
เจ้าหน้าที่ทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม กล่าวว่า คนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มที่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมในพื้นที่อำเภอกรงปินัง เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ซึ่งผู้ต้องสงสัยที่มีประวัติก่อเหตุรุนแรง 5 คน ได้ยอมจำนน ส่วนอีกสองคนถูกยิงเสียชีวิต เพราะยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่
ในห้วงเวลาหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้คุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้เว้นช่วงไปนับตั้งแต่การสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เมื่อกลางเดือนมิถุนายน ศกนี้ โดยในระยะเวลาแปดวันนับถึงวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ คนร้ายได้วางกับระเบิดในสวนยางพาราของชาวบ้านในนราธิวาส จนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นพิการรวม 5 ราย องค์กรสิทธิมนุษยชนไทยและนานาชาติ เช่น องค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้ออกมาประณามผู้ก่อเหตุ โดยระบุว่า คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น และเรียกร้องให้ยุติการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งมีการลงสัตยาบันของนานาชาติแล้วว่าห้ามใช้ และขอให้หยุดโจมตีพลเรือน
จากนั้น เหตุรุนแรงได้เว้นช่วงลง จนกระทั่งวันที่ 11 สิงหาคม ได้เกิดเหตุคนร้ายยิงแม่และลูกสาววัย 14 ขวบ ที่ลำตัวและศีรษะจนเสียชีวิตอย่างเลือดเย็น ในอำเภอบาเจาะ นราธิวาส และเริ่มมีการประทุษร้ายชีวิตของพลเรือนและเจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่องอีกหลายครั้ง
ในวันนี้ นายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวแก่เบนาร์นิวส์ว่า สาเหตุที่เกิดความรุนแรงบ่อยครั้งขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์นี้ มาจากการที่ฝ่ายขบวนการต้องการก่อเหตุ เพราะมีการบิดเบือนเรื่องการได้บุญจากการฆ่าคนนอกศาสนาในช่วงเทศกาลสำคัญ
“เหตุเกิดมากขึ้นช่วงนี้ เพราะว่ามีการบิดเบือนคำสอนศาสนาเป็นว่า การฆ่าคนนอกรีตหรือคนมลายูที่เข้าข้างคนนอกศาสนา จะได้บุญ... ทำไมผู้รู้ด้านศาสนาจึงไม่ออกมาทำฟัตวาให้ชัดเจน เพราะการใช้การทหารดูแลอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ” นายสุณัยกล่าว
“จริง ๆ แนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถี่หรือห่างนั้น เป็นเรื่องที่เหมือนเดิม คือ บีอาร์เอ็นโจมตีเป้าหมายพลเรือนมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 14 ปี ต้องตั้งคำถามว่า ยังเห็นไม่ชัดพออีกหรือว่า บีอาร์เอ็นโจมตีเป้าหมายพลเรือนมาโดยตลอด ทำไมชุมชนมลายูไม่ออกมาประณาม ในเมื่อบีอาร์เอ็น อ้างว่าเป็นตัวแทนของชาวมลายูปัตตานี ต้องใช้ประชาชนมลายูมุสลิมออกมาประณามบีอาร์เอ็นและปฏิเสธความรุนแรงของบีอาร์เอ็นเพื่อยุติปัญหา” นายสุณัยกล่าวเพิ่มเติม