ทหารวิสามัญนายเปายี ตาสะเมาะ ผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดบิ๊กซี ปัตตานี

มารียัม อัฮหมัด
2017.07.14
ปัตตานี
170714-TH-suspect-620.JPEG เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพศพนายเปายี ตาสะเมาะ ที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิตในขณะถูกนำไปชี้จุดซ่อนอาวุธในสวนยางพารา บ้านจือแรนิบง อำเภอเมือง ปัตตานี วันที่ 14 กรกฎาคม 2560
เบนาร์นิวส์

ในวันศุกร์ (14 กรกฎาคม 2560) นี้ เจ้าหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ทหารได้ทำการวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี ตาสะเมาะ ผู้ต้องหาซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปัตตานี เนื่องจากนายเปายี ใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ในขณะถูกนำตัวไปชี้จุดซ่อนอาวุธ ด้านภรรยาของนายเปายี ระบุว่าสามีไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบแต่อย่างใด

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องกระทำวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี ตาสะเมาะ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีว่า นายเปายี ได้ใช้อาวุธปืนที่ซ่อนไว้ยิงเจ้าหน้าที่ทหารและพยายามหลบหนี

“เหตุเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกว่า 50 นาย นำตัวนายเปายี มานำชี้จุดและหลุมที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้นำอาวุธฝังดิน ในสวนยางพารา บ้านจือแรนิบง หมู่ที่ 4 ต.ปะกาฮะรัง อ.เมือง จ.ปัตตานี นายเปายีได้นำอาวุธปืนที่ซ่อนไว้ยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นัด แล้วกระโดดน้ำหลบหนีไปอีกฝั่งคลอง จึงถูกเจ้าหน้าที่ยิงใส่เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต” พล.ต.ตปิยะวัฒน์กล่าว

เมื่อพุธที่ผ่านมา นายเปาซี ถูกควบคุมตัวพร้อมกับนายอับดุลเลาะ เจะมะ อายุ 70 ปี จากบริเวณใกล้มัสยิดบ้านกาฮง ม.5 ตำบลปะกาฮะรัง อำเภอเมือง ปัตตานี แล้วถูกนำตัวไปค่ายอิงคยุทธบริหาร เพื่อนำเข้ากระบวนการซักถาม โดยทั้งคู่ถูกควบคุมตัวเพราะตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี ซึ่งในเหตุการณ์ในวันเดียวกันนั้น นายสุดิน มามะ อายุ 29 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีวางระเบิดห้างบิ๊กซีอีกรายหนึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตเพราะยงต่อสู้ในขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามเข้าควบคุมตัว และมีผู้ต้องสงสัยอีกสองรายหลบหนีไปได้

หลังจากเกิดเหตุ พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ จังหวัดปัตตานี  พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความปลอดภัยภายในราชอาณาจักร ภาคที่ 4 ส่วนหน้า และพล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี โดยพล.ต.จตุพร เปิดเผยว่า นายเปายีถือว่าเป็นกุญแจสำคัญของการสอบสวนหาผู้วางระเบิดห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปัตตานี เพราะได้ให้ข้อมูลที่ทำให้ทราบตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 2-3 คน ซึ่งเหตุที่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องวิสามัญฆาตกรรมนายเปายี เพียงเพื่อปกป้องชีวิตของเจ้าหน้าที่เอง

“เจ้าหน้าที่ที่วางกำลังได้ไล่ติดตามจนมาพบนายเปายี ซึ่งนายเปายีได้ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ 2 นัด เจ้าหน้าที่จึงได้ยิงตอบโต้ หลังจากเสียงปืนสงบตรวจสอบพบนายเปายีเสียชีวิต พร้อมอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ตกอยู่ในมือของนายเปายี” พล.ต.จตุพรกล่าว

“ก่อนการเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ได้ซักถามนายเปายี ซึ่งให้การว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง และแนวร่วมให้การสนับสนุนที่พักพิงแก่ผู้ก่อเหตุรุนแรงจริง เข้าร่วมขบวนการเมื่อปี 2554 โดยการสาบานตนเข้าร่วมขบวนการกับนายมะนาเซ ไซดี รวมถึงยืนยันว่ารถจักรยานยนต์ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ที่บ้านพักของตนเองคือรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุวางระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี และยังให้ข้อมูลแหล่งซุกซ่อนอาวุธซึ่งรับมาจากนายมะนาเซ และได้นำไปเก็บรักษาไว้” พล.ต.จตุพร กล่าวเพิ่มเติม

พล.ต.จตุพร เชื่อว่าเหตุผลที่นายเปายีตัดสินใจต่อสู้กับเจ้าหน้าที่และหลบหนี เนื่องจากเกรงกลัวที่จะต้องรับโทษจากการก่อเหตุ และเมื่อวิเคราะห์จากอาวุธที่ถูกซ่อนเอาไว้เชื่อว่ากลุ่มก่อความไม่สงบกลุ่มนี้เตรียมที่จะก่อเหตุอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

ด้านภรรยาของนายเปายี (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) ระบุว่า ยังมีข้อเคลื่อบแคลงสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ เนื่องจากควบคุมตัวนายเปายีครั้งนี้ ไม่มีตัวแทนชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน หรือประชาชนได้เข้าร่วมด้วย

“แฟน(นายเปายี)ไม่เคยมีประวัติอะไรที่เข้าร่วมขบวนการ หรือเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีข้อมูลออกมาแบบนี้ ก็อยากถามว่า มาทำแบบนี้กับเขาทำไม คำถามนี้ก็อยากได้คำตอบด้วย” ภรรยาของนายเปายีกล่าวแก่เบนาร์นิวส์

เหตุระเบิดห้างบิ๊กซี ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2560 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 60 ราย  ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 9 ราย  ส่วนคดีระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวใน 7 จังหวัดภาคใต้ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ปีที่แล้วนั้น ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว 10 ราย

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง