ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยเจ้าแม่แก๊งอุ้มบุญในไทย

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2023.04.11
กรุงเทพฯ
ตำรวจรวบตัวผู้ต้องสงสัยเจ้าแม่แก๊งอุ้มบุญในไทย น.ส. นวพร ภาเกียรติสกุล (คนที่สองจากซ้ายมือ) ชาวจีนสัญชาติไทย ผู้ต้องสงสัยเป็นหัวหน้าขบวนการรับจ้างอุ้มบุญรายใหญ่โต้แย้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะรับทราบข้อหา วันที่ 8 เมษายน 2566
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในวันอังคารนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุม นางสาวนวพร ภาเกียรติสกุล ชาวจีนสัญชาติไทยหัวหน้าขบวนการรับจ้างอุ้มบุญรายใหญ่ ที่มีเอี่ยวในการค้ามนุษย์ข้ามชาติ โดยจัดหาหญิงสาวชาวไทยรับจ้างอุ้มบุญให้ชาวจีนที่ต้องการให้ลูกมีสัญชาติไทยเพื่อที่ตนจะได้ใช้สิทธิความเป็นผู้ปกครองอาศัยอยู่ในเมืองไทยตลอดชีพ

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า นางสาวนวพร 53 ปี มีชื่อเป็นเจ้าของสถานที่และมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจัดหาหญิงไทยมารับจ้างอุ้มบุญ โดยแม่คนไทยจะได้รับค่าจ้างหัวละ 500,000 บาท พร้อมระบุด้วยว่า ผู้ต้องหารายนี้จัดได้ว่าเป็นเบอร์หนึ่งของขบวนการอุ้มบุญรายใหญ่ในประเทศไทย

“เมื่อก่อนเราพบว่าเรื่องอุ้มบุญ คนจีนจ้างคนไทยอุ้มบุญแล้วเอาลูกกลับประเทศจีนไปส่งขายต่อในเมืองจีน แต่ปัจจุบันสภาพการเปลี่ยนไปหนักกว่าเดิมอีก โดยการจ้างผู้หญิงไทยอุ้มบุญเพื่อจะให้ลูกตัวเองได้สัญชาติไทย แล้วให้ตัวพ่อได้มีสิทธิอยู่ในแผ่นดินไทยตลอดชีวิต จนตาย” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าว

“ส่วนลูกเมื่อบรรลุนิติภาวะได้สิทธิทุกอย่างเท่าคนไทย อันนี้เรียกว่ากลืนชาติไทย เพราะเมื่ออายุ 20 ปี เขาจะได้รับสิทธิทุกอย่างเท่าเทียมคนไทย สามารถซื้อบ้าน ซื้อรถ เป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของบ้าน และกระบวนการต่อไปคือทำนอมินี” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส. นวพร เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา และในเบื้องต้น ถูกดำเนินคดีฐาน “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน และร่วมกันปลอมและใช้ดวงตรา รอยตรา หรือแผ่นปะตรวจลงตรา สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ” โดยมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี

“ไม่ได้จริง หนูไม่ได้ผิดแน่นอน มีพยานหลักฐานอะไรให้มาชี้แจงกับหนูเลย” น.ส. นวพร ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยแสดงความไม่พอใจและร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลาที่เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแสดงหมายจับกุมของศาลอาญากรุงเทพใต้

การจับกุม น.ส. นวพร ครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการจับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายชาวจีนจำนวน 4 ราย ก่อเหตุอุ้มเหยื่อชาวจีน 2 รายเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 5 แสนบาท ที่สถานีตำรวจภูธรหนองปรือ จังหวัดชลบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา การจับกุมครั้งนี้พบว่าผู้เสียหายชาวจีนที่ถูกจับเรียกค่าไถ่เป็นบุคคลที่ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการใช้บัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มบุญ จึงนำไปสู่การสืบสวนขยายผลกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งการออกบัตรประจำตัวคนไม่มีสัญชาติไทย และการลักลอบอุ้มบุญ

ต่อมาเมื่อวันที่ 4 เมษายน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บริเวณบ้านเลขที่ 491/13 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ ลักษณะเป็นอาคาร 5 ชั้น พบบุคคลสัญชาติเมียนมา 3 ราย บุคคลสัญชาติจีน และไต้หวัน จำนวน 4 ราย พบภายในลักษณะแบ่งซอยย่อยเป็นห้องจำนวนมาก คาดว่าเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับหญิงไทยที่จะทำหน้าที่อุ้มบุญให้กับลูกค้าชาวจีน โดยให้พักอาศัยอยู่ในช่วงตั้งท้องจนคลอดบุตร เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับบุคคลต่างด้าวทั้ง 7 ราย ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ และจับกุมผู้ดูแลชาวไทย 1 ราย ในความผิดเกี่ยวกับการให้ที่พักพิงบุคคลต่างด้าวฯ

“น.ส. นวพร เป็นหัวหน้าขบวนการส่วนสำคัญในการรับจ้างอุ้มบุญ และ น.ส. นวพร เป็นคนจีนที่เข้ามาในช่วงแรก ๆ มีการถ่ายภาพคู่กับบุคคลสำคัญ มีการถ่ายภาพคู่กับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ทำให้คนจีนเชื่อถือ คนจีนจะทำอะไรในไทยต้องติดต่อ น.ส.นวพร” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุ

“วันนี้ได้นวพรมา ผมก็พอใจ เพราะว่าตามอยู่นานมาก ในขบวนการถือว่าเป็นเบอร์หนึ่ง ตอนนี้เราควบคุมตัวอยู่ และไล่ต่อทั้งหมด” รอง ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติม

ข้อมูลการสืบสวนของตำรวจยังพบอีกว่า น.ส. นวพร ทำหน้าที่ในการนำรายชื่อบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ภายในบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยใช้วิธีการแจ้งเท็จต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นญาติของตน และสำแดงเอกสารเท็จต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ย้ายชื่อบุคคลดังกล่าวเข้ามาในทะเบียนบ้านและออกบัตรชมพูให้

การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า น.ส. นวพร เป็นบุคคลสัญชาติจีนที่ได้รับสัญชาติไทยจากการแต่งงานกับคนไทย จากนั้นได้หย่าร้าง และมีสามีใหม่เป็นคนสัญชาติจีน ก่อนจะมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยบุตรทุกคนได้รับสัญชาติไทยตามมารดาทั้งหมด ซึ่งทำให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคนไทยในการประกอบธุรกิจต่าง ๆ ได้ตามปกติ

“พรุ่งนี้จะเข้าไปตรวจสอบกับปลัดกระทรวงมหาดไทยในเรื่องของสัญชาติ การได้สัญชาติมานั้นได้มาโดยการอำพราง หรือด้วยการจดทะเบียนสมรสกับสามีคนไทย และสามีคนไทยตอนนี้อยู่ที่ไหน ไล่ไม่ยาก” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุ

ประวัติอาชญากรรม

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า น.ส. นวพร เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงคนจีนมาลงทุนทำธุรกิจ ความเสียหายมากกว่า 700 ล้านบาท ถูกดำเนินคดีที่ สถานีตำรวจประเวศ นอกจากนี้ จากการประสานข้อมูลกับทางการจีนพบว่า น.ส. นวพร มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ทั้งในจีน ไทย และกัมพูชา เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี และมีทรัพย์สินในครอบครองเป็นบริษัทหลายแห่ง ซึ่งมีชื่อของญาติและบุตรของ น.ส. นวพร เป็นกรรมการบริหาร รวมทั้งที่ดินและรถหรูอีกจำนวนมาก ทั้งยังทำหน้าที่เป็นคนประสานงานอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้กับกลุ่มทุนจีนสีเทาอีกด้วย

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่สืบสวนได้ขยายผลทำให้พบว่าเครือข่ายทุนจีนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกัน โดยมีเครือข่ายของ น.ส.นวพร อำนวยความสะดวกช่วยเหลือคนจีนในการสวมบัตรและอุ้มบุญ เพื่อให้ทุนจีนสีเทาเหล่านี้สามารถประกอบธุรกิจหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ เสมือนเป็นคนไทยคนหนึ่ง และเข้ามากระทำผิดในราชอาณาจักรไทย

ข้อมูลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตที่อาจมีส่วนรู้เห็น ช่วยเหลือ ดำเนินการในการออกเอกสารเท็จ และในการออกบัตรสีชมพู ซึ่ง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ได้สั่งให้มีการขยายผลติดตามเส้นทางการเงินและความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ น.ส. นวพร มาดำเนินคดี ทั้งนี้หากพบการกระทำผิดของ น.ส. นวพร ที่เป็นความผิดมูลฐาน ก็จะประสานงานร่วมกับ ปปง. ในการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมต่อไป

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง