ภาคการท่องเที่ยวไทยรอนักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นฟู
2022.09.27
กรุงเทพฯ
แม้ว่ารัฐบาลเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว และมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยกว่าห้าล้านคน ณ ปัจจุบัน แต่การขาดนักท่องเที่ยวจากจีน ทำให้เจ้าของรีสอร์ทและแรงงานในภาคการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัวจากพิษโควิดได้
วรมนต์ ชัยรัต เจ้าของรีสอร์ต ในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กำลังคิดว่าจะขายรีสอร์ตหนึ่งในสองแห่งทิ้งไป เพราะหลังจากเปิดประเทศมาแล้วหลายเดือน ตนมีรายได้ไม่ถึงร้อยละ 20 ของที่เคยมี ขณะที่ธนาคารให้เริ่มกลับมาชำระหนี้ หลังได้พักชำระไปสองปี
“ถ้าคนจีนกลับมาอาจจะไม่ขายรีสอร์ต แต่ถ้าไม่มีวี่แววว่าประเทศจีนจะเปิดให้คนออกมาเที่ยว คงต้องขาย เพราะแบกรับภาระหนี้ไม่ไหว” วรมนต์ วัย 53 ปี กล่าวกับเบนาร์นิวส์
“สองปีกว่าที่ผ่านมา รายได้เป็นศูนย์ แต่รายจ่ายเกิดขึ้นทุกวัน แม้ว่าตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศ รายได้ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของเมื่อก่อน ไม่พอใช้หนี้”
นับตั้งแต่การระบาดมา เมื่อเดือนธันวาคม 2562 จนกระทั่งปัจจุบัน โควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 6.54 ล้านคน และได้ทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกชะงักลง ซึ่งในปี 2563 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยเพียง 6.7 ล้านคน (เป็นชาวจีน 1.2 ล้านคน) ลดลงจาก 39.9 ล้านคน (เป็นชาวจีน 11,138,658 ล้านคน) นำเงินตราเข้าประเทศ 1.9 ล้านบาท กว่าหนึ่งส่วนสี่ หรือ 531,576.65 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน
เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าและออกนอกประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยว ระงับการดำเนินกิจกรรมของบริษัทนำเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนเริ่มยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่นั้นมา
“นักท่องเที่ยวจีนคือสวรรค์เลยนะ 80 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าของรีสอร์ตเป็นคนจีน นักท่องเที่ยวจีนคือความหวังที่ทุกคนรอ เพราะทุกคนเห็นแล้วว่า นักท่องเที่ยวจีนทำให้หลายคนร่ำรวยขึ้น” วรมนต์กล่าว
วรมนต์ ทำธุรกิจที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวมา 16 ปีแล้ว เริ่มต้นจากการให้บริการห้องพักกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ backpacker ชื่อ Bamboo Hut ลักษณะเป็นกระท่อมไม้ไผ่ มีห้องน้ำรวม กระทั่งห้าหลังจากนั้น วรมนต์ตัดสินใจซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ตสี่ดาวแห่งแรกที่ริมแม่น้ำปาย และได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะปายเริ่มเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทยและเทศ
เมื่อห้าปีที่แล้ว วรมนต์ตัดสินใจซื้อที่ดินสร้างรีสอร์ตแห่งที่สอง ห่างจากที่แรกไม่กี่ร้อยเมตร เป็นจังหวะเดียวกันกับที่นักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย เธอเปิดร้านอาหารเพิ่มเติม มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก
“ก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนเยอะมากเพราะคนของเขาเยอะ เวลาคนจีนเข้าห้องพักจะเต็มหมด จนไม่มีห้องเหลือให้นักท่องเที่ยวฝรั่งกับคนไทยได้เลย” วรมนต์กล่าว “ภาพรวมทั้งปี ของนักท่องเที่ยวจีน ฝรั่ง คนไทย มันจะ full booking ตลอดปี”
ด้านเจ้าของบริษัทนำเที่ยว Brightness Tour ที่ให้บริการมากว่า 20 ปี กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลางทางยอดนิยมที่คนจีนชอบเดินทางมาพักผ่อน นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ เพราะอยู่ใกล้ สะดวกในการเดินทาง แหล่งท่องเที่ยวถูกใจ และราคาไม่แพง
“คนจีนมาได้ทั้งปี ก่อนโควิดผมไม่มีเวลาว่างอยู่บ้านเลย อยู่ภูเก็ตตลอด นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาภูเก็ตเป็นหมื่น ๆ คน ปกตินักท่องเที่ยวสี่ถึงห้าพันคนก็แน่นแล้ว ตอนนั้นแน่นไปหมด ภูเก็ต พังงา สมุย สุราษฯ กระบี่ แน่นทุกที่” นิรัน แซ่ซือ เจ้าของ Brightness Tour ระบุ
“ผมรับลูกค้าคนจีนวันละ 200-300 คน ต่อวัน เครื่องบินขึ้น-ลง ตลอดเวลา ยุ่งมาก... ตอนนี้ไม่เห็นเลย” นิรัน กล่าว
ช่วงก่อนโควิด บริษัทฯ ทัวร์ของนิรัน มีพนักงานรวมไกด์ทำงานมากกว่า 20 คน ในการจัดการเดินทางโดยเฉพาะให้นักท่องเที่ยวชาวจีน วันนี้ เปิดประเทศแล้ว นิรัน จ้างพนักงานได้เพียง 3 คน
“ไม่มีเงินจ้างเขา เพราะตั้งแต่โควิดเราก็ปิดมาตลอด โชคดีที่มีเงินสำรองไว้บ้าง แต่ตอนนี้ก็พร่องไปมากแล้ว” นิรัน กล่าว
ความหวังและการปรับตัว
หลังจากมีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโรคโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น เมื่อเดือนธันวาคม 2563 องค์การท่องเที่ยวโลก (UN World Tourism Organization - UNWTO) ระบุว่า หลายประเทศทั่วโลก ได้ใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง รวมถึงการห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศ เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เป็นต้นมา
ในเดือนเมษายน 2563 หลายประเทศที่เป็นตลาดนักเที่ยวหลักของประเทศไทย เช่น จีน มาเลเซีย รัสเซีย อินเดีย ประกาศปิดพรมแดน และประกาศให้ประชาชนงดเว้นการเดินทางหากไม่จำเป็น ส่งผลให้ตลอดเดือนเมษายน 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเป็นศูนย์
การประกาศใช้มาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ถือเป็นนักท่องเที่ยวหลักหล่อเลี้ยงธุรกิจท่องเที่ยวประเทศไทย และนักท่องเที่ยวชาวจีนถือว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายกว่าหนึ่งส่วนสี่ของยอดใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทุกประเทศรวมกัน
“เจ็บปวดทุกแขนง ห้างร้านก็เจ็บปวด ต้องควักเนื้อควักทุนกันไป เอกชนเดือดร้อนกันหมด เรียกได้ว่าเช็ดน้ำตาจนไม่มีน้ำตาให้เช็ด” นิรันกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 นี้ รัฐบาลไทยตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยอย่างน้อย 10 ล้านคน หลังหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการยกเลิกการจำกัดการเดินทาง
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลวางเป้าหมายสนับสนุนการท่องเที่ยว และเชื่อว่าหากเป็นไปตามสถานการณ์ท่องเที่ยวที่เอื้ออำนวยในทุกด้าน (Best Case Scenario) คาดว่าจะมีรายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท
“ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวต่างชาติและเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงเดือนกันยายน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 5 ล้านคนแล้ว คาดว่าจนถึงสิ้นปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน หรือมากกว่านั้น” นายอนุชา กล่าว
นักวิเคราะห์หลายคน ระบุว่า จีนอาจจะยังไม่เปิดประเทศเร็ว ๆ นี้ โดยมีความหวังว่าจะได้รับข่าวดีหลังการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนพฤศจิกายนว่า จีนจะมีมาตรการผ่อนคลายให้นักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศได้
ส่วนนิรัน อัพเดทสถานการณ์การเปิดประเทศในจีนว่า สถานการณ์ตอนนี้ โควิดยังไม่หายดี ทางการจีนต้องการให้ประชาชนของจีนปลอดภัย ไม่อยากปล่อยให้ออกไปทั่วโลกแล้วติดเชื้อเข้าในประเทศเพิ่ม และยังไม่มียาที่รักษาโควิดให้หายได้
อย่างไรก็ตาม นิรัน หวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง มาเก๊า เดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้
“ตอนนี้ ความหวังว่าเผื่อทางฮ่องกงจะเปิด แต่ตอนนี้เราอาศัยทัวร์คนในประเทศไปเที่ยวต่างประเทศ” นิรันกล่าว
ทั้งวรมนต์และนิรัน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลักษณะนักท่องเที่ยวหลังเปิดประเทศเปลี่ยนแปลงไปมาก โควิดทำให้คนจนลง ค่าครองชีพสูงขึ้น หลายคนตกงานเพิ่งได้งานทำ แม้ว่าจะอยากเที่ยวแต่ยังไม่มีกำลังพอจะใช้จ่ายในการท่องเที่ยว ขณะที่นักเดินทางในช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ครอบครัวที่ร่ำรวย ไปกันเองเป็นส่วนตัว ไม่ไปเป็นทัวร์เหมือนเมื่อก่อน
“รายได้ตอนนี้เหมือนหิ่งห้อยเพิ่งเริ่มมีแสง ยังคำนวนไม่ได้ ตั้งแต่ปิดประเทศจนถึงวันนี้รัดเข็มขัดอย่างแรง” นิรันกล่าว
นิรัน กล่าวอีกว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเปลี่ยนไปมาก ทำธุรกิจตอนนี้ต้องใช้เงินสดทั้งทัวร์ในประเทศและต่างประเทศ เอเย่นต์ที่เคยทำงานร่วมกันปิดไปหลายที่ เอเย่นต์ที่ยังดีลกันได้อยู่ก็ต้องเริ่มกันใหม่ ขณะที่การลงทุนใหม่ในช่วงนี้มีความสำคัญเพราะของแพงขึ้นมาก
“ความรู้สึกเหมือนเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว” นิรัน กล่าวพร้อมระบุว่า ขอเวลาประเมินสถานการณ์อีก 6 เดือน ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
“หวังว่ารัฐบาลจีนจะเข้าใจปล่อยคนของเขาออกมา แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ลำบาก” นิรันกล่าวทิ้งท้าย
ที่อำเภอปาย วรมนต์ นั่งล้อมวงคุยกับครอบครัวถึงแนวโน้มสถานการณ์ในอนาคตกับหนี้สินธนาคารหลายสิบล้านบาท
เดือนที่ผ่านมา วรมนต์ บอกว่าโชคดีที่ได้นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลกลุ่มใหญ่ มาช่วยต่อลมหายใจ เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มากันเองเป็นส่วนตัว หรือมาเป็นกลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่ ที่พร้อมใช้จ่าย
เดือนก่อนหน้า วรมนต์รับลูกค้าชาวรัสเซียที่ขนเงินสดออกนอกประเทศก่อนเกิดสงคราม และยังกลับประเทศไม่ได้
แต่รายได้ที่ได้รับหลังหักค่าใช้จ่ายส่งได้เพียงดอกเบี้ยของธนาคารเท่านั้น วรมนต์บอกว่า ถ้าหมดสิ้นเดือนตุลาคมนี้จีนยังไม่เข้า ยุโรปยังไม่เข้า คือจบ ไม่มีรายได้เลย คนไทยไม่เที่ยวแล้วเพราะทุกคนจนลง
“ถ้าคนจีนปล่อยให้คนออกมาเที่ยวเมื่อไหร่ เชื่อว่าฟื้นตัวแน่นอน กลับมามีรายได้เหมือนเดิมแน่นอน ถ้านักท่องเที่ยวจีนเข้ามานี่คือ สวรรค์เลย ขายอะไรก็ได้ขาย” วรมนต์กล่าวด้วยความหวัง