ตร. จับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์จีน อ้างสำนักทรัพย์สินฯ ต้มตุ๋น

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2023.06.22
กรุงเทพฯ
ตร. จับสมาชิกคอลเซ็นเตอร์จีน อ้างสำนักทรัพย์สินฯ ต้มตุ๋น หน้าเว็บไซต์แก๊งเงินกู้นอกระบบออนไลน์ผิดกฎหมายบนโทรศัพท์มือถือ ภาพถ่ายในกรุงเทพฯ วันที่ 28 มิถุนายน 2557
เอเอฟพี

ตำรวจแถลงในวันพฤหัสบดีนี้ว่า สามารถจับกุมสมาชิกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์จีน 11 คน ที่แอบอ้างชื่อ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ หลอกเงินคนไทยกว่า 2 พันคน พบมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 3 พันล้านบาท

พล.ต.ต. อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ว่า มีกลุ่มคนร้ายแอบอ้างสำนักงานทรัพย์สินฯ เปิดเว็บไซต์ชื่อ Royal Gold หลอกลวงให้คนมาลงทุนเกี่ยวกับทองคำจนมีผู้เสียหายกว่า 2 พันคน

“เราได้จับกุมชาวจีนระดับสั่งการ และผู้ร่วมขบวนการของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานปฏิบัติการในประเทศไทย และประเทศลาว พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 3,000 ล้านบาท ขยายผลไปจนถึงระดับผู้สั่งการที่เป็นชาวจีนในคาสิโน คิงส์โรมัน ฝั่งลาว ดำเนินการไป 11 ราย อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมอีก 5 ราย” พล.ต.ต. อธิป กล่าว

พล.ต.ต. อธิป ระบุว่า มิจฉาชีพกลุ่มนี้ ดำเนินการโดยปลอมบัญชีเฟซบุ๊กเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ติดต่อพูดคุยกับเหยื่อเชิงชู้สาว แล้วหลอกให้มาลงทุนเกี่ยวกับทองผ่านเว็บไซต์ Royal Gold ที่กลุ่มมิจฉาชีพสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายเว็บไซต์ซื้อขายหลักทรัพย์ และมีกราฟแสดงมูลค่าหลักทรัพย์ โดยอ้างว่า เว็บไซต์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ สำนักงานทรัพย์สินฯ เพื่อความน่าเชื่อถือ

เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจะให้มีการโอนเงินเข้าไปในบัญชีธนาคารปลอมที่เปิดเอาไว้ (บัญชีม้า) หลังจากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพจะทำการโอนเงินไปซื้อเป็นเหรียญดิจิทัล (Cryptocurrency) แล้วโอนต่อไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัล (บัญชีม้า) โดยเงินดิจิทัลบางส่วนจะถูกแลกกลับเป็นเงินบาทเพื่อฟอกเงิน แล้วโอนให้กับนายทุนชาวจีน และหลังจากเหยื่อทำการโอนเงินให้สำเร็จ กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะตัดการติดต่อกับเหยื่อทันที

พ.ต.ท. นิธิ ตรีสุวรรณ รองผู้กำกับการ 2 บก.ปอท. เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับการร้องเรียนจากสำนักงานทรัพย์สินฯ จึงได้มีการสืบสวน และรวบรวมเบาะแส กระทั่งขออนุมัติหมายศาลดำเนินการจับกุม ผู้ร่วมขบวนการ 8 รายแรกในวันที่ 13 มิถุนายน 2566 และจับกุมหัวหน้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 รายในวันที่ 20 มิถุนายน 2566

“หนึ่งในผู้ต้องหารับว่า เป็นหนี้จากการเล่นพนันในคาสิโนคิงส์โรมัน จึงถูกบังคับให้รวบรวมคนไทยเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีม้า และกระเป๋าวอลเล็ตม้า (กระเป๋าเงินดิจิทัล) โดยตนจัดหาซิมการ์ดเพื่อให้ยืนยันตัวตน จากนั้นนำบัญชีไปส่งมอบให้กับชาวจีนในพื้นที่คาสิโนคิงส์โรมัน เพื่อใช้หนี้ และรับค่าจ้างประมาณ 10,000 บาท ต่อบัญชี ซึ่งจะแบ่งเงินให้ผู้เปิดบัญชีม้าประมาณ 3,000-4,000 บาท” พ.ต.ท.นิธิ กล่าว

ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม 11 คนประกอบด้วย นายเถิง จวิ้น (Teng Jun) สัญชาติจีน หัวหน้าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คนไร้สัญชาติ 1 คน ทำหน้าที่ฟอกเงิน และคนไทย 9 คน ทำหน้าที่จัดการบัญชีม้า และกระเป๋าดิจิทัลเงินม้า

“ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดี 3 ข้อหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นเท็จ และร่วมกันฟอกเงิน” พล.ต.ต. อธิป กล่าว

ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ยังต้องติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 5 ราย คือ นายชิว เตอร์อู่ (Qiu Dewu) สัญชาติจีน ทำหน้าที่เปิดบริษัท บริหาร และฟอกเงิน, นายชิว เตอร์ชง (Qiu Decong) สัญชาติจีน ทำหน้าที่บริหาร และฟอกเงิน, นายจาง จื่อหงส์ (Zhang Zhihong) สัญชาติจีน ทำหน้าที่บริหาร และดูแลบัญชีม้า และคนไทยอีก 2 ราย ซึ่งทั้งหมดรับผิดชอบดูแลบัญชีม้า โดยเจ้าหน้าที่เชื่อว่า ชิว เตอร์อู่ และชิว เตอร์ชง ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้น อาคารร้านจินหลิง, ร้านลีลา และวิบวับคาร์วอช ที่ตั้งอยู่บนถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ เพราะดำเนินการสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต และสามารถจับกุมนักท่องเที่ยวชาวจีน 99 คน ข้อหามั่วสุมเสพยาเสพติด โดยในการตรวจค้น พบยาเสพติด ทรัพย์สิน และรถราคาแพงจำนวนมาก

กรณีดังกล่าวนำไปสู่การจับกุม นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ชาวจีนซึ่งปัจจุบันได้รับสัญชาติไทย ที่เชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย (ธุรกิจจีนสีเทา) โดยเจ้าหน้าที่พบว่า ขบวนการดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1 พันล้านบาท

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง