ตำรวจดำเนินคดีนักท่องเที่ยวจีน 99 คน ข้อหาเสพยาในบาร์ย่านยานนาวา
2022.10.26
กรุงเทพฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจสอบผับในย่านยานนาวา กรุงเทพฯ พบของกลางเป็นยาเสพติดหลายประเภท จับคนจีนกว่า 200 คน ฐานมั่วสุมและเสพยาเสพติดในสถานบันเทิง เตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของผับ และนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ถูกสั่งย้ายทันที
พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนของวันพุธ ได้นำกำลังตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้น อาคารร้านจินหลิง, ร้านลีลา และวิบวับคาร์วอช ซึ่งตั้งบนถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ หลังพบข้อมูลว่า สถานที่เหล่านี้เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวจีน
ในชั้นต้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายธนบดี (ไม่ระบุนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาวไทยไว้ดำเนินคดีในฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และยินยอมหรือปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการ และสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีนายทุนรายใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่
“สถานที่ดังกล่าวเปิดทำการเป็นสถานบริการ ร้านคาราโอเกะ ให้บริการกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชาวจีน โดยไม่ได้รับอนุญาต มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จัดสถานที่ให้มีการมั่วสุมยาเสพติด ให้บริการรับฝากยาเสพติดที่ใช้บริการไม่หมด และจัดให้มีการเล่นพนันกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่และกฎหมาย” พล.ต.ท. ธิติ กล่าว
พล.ต.ท. ธิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเข้าตรวจสอบ กลุ่มนักท่องเที่ยวและพนักงานต่างวิ่งหลบหนีเข้าไปซุกซ่อนในอาคารอย่างชุลมุน ตรวจสอบในเบื้องต้น พบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน พบพนักงานเป็นบุคคลชาวกัมพูชาและชาวไทย อีกจำนวนกว่า 29 คน
“ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของนักท่องเที่ยวและพนักงานร้าน พบสารเสพติดในร่างกาย 104 คน เป็นชาวจีน 99 คน ชาวไทย 4 คน และกัมพูชา 1 คน ได้ส่งดำเนินคดีตามกฏหมายฐานเสพยาเสพติดที่ สน.ยานนาวา” พล.ต.ท. ธิติ กล่าว
พล.ต.ท. ธิติ กล่าวอีกว่า ยังมีชาวจีน 93 คน, เมียนมา 23 คน, เวียดนาม 2 คน, จอร์เจีย 1 คน, กัมพูชา 1 คน และบุคคลไม่มีสัญชาติ 5 คน ที่แม้ตรวจไม่พบยาเสพติด แต่ต้องถูกดำเนินคดีฐานมั่วสุมในสถานบันเทิง
“จากการตรวจค้นห้องอื่น ๆ พบยาเสพติดหลายรายการ อาทิ ยาเค ยาแฮปปี้วอลเตอร์ ไฟว์ไฟว์ ในซองพลาสติกกว่า 300 ซอง และพบยาเสพติดตกกระจายตามห้องคาราโอเกะ ตำรวจยังสามารถยึดรถหรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบขยายผลหาตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือพฤติกรรมที่เข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่” พล.ต.ท. ธิติ เปิดเผย
ในวันเดียวกันนี้ พล.ต.ต. นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ได้ลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ที่ 408/2565 ให้ย้าย พ.ต.อ. ธนโชติ ฤกษ์ดี ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบท้องที่ที่เกิดเหตุ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) และขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ทำการสืบสวนการหายตัวไปของ น.ส. โย่วซื่อหัว อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ซึ่งมีรายงานว่าหายตัวไปหลังจากมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ต่อมาพบว่า น.ส. โย่วซื่อหัว ได้เสียชีวิตกระทันหัน แต่ญาติของ น.ส. โย่วซื่อหัว ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ในวันพุธนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จึงได้แถลงว่า ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า น.ส. โย่วซื่อหัว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 หลังจากได้ไปเที่ยวในสถานบันเทิงย่านรัชดาภิเษก โดยคืนเกิดเหตุผู้ตายมีอาการอาเจียน ช็อกหมดสติขณะอยู่ในสถานบันเทิง จึงถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิต และเมื่อชันสูตรพลิกศพ พบสารแอมเฟตามีนในร่างกาย และเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งกวดขันเรื่องยาเสพติดในสถานบันเทิง
ต่อประเด็นที่เกิดขึ้น น.ส. น้ำผึ้ง (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี พนักงานบริษัทเอกชนย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวจีนพักอาศัยจำนวนมาก เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์ว่า นักท่องเที่ยวจีนสร้างทั้งผลดีและผลเสีย
“ช่วงโควิดระบาด ห้วยขวางที่แต่ก่อนเป็นย่านคนจีนก็ซบเซาไปด้วย ร้านอาหาร โรงแรมเกือบทั้งหมดต้องปิดตัว บางร้านปิดชั่วคราว บางร้านปิดถาวร เราปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวจีนช่วยเศรษฐกิจ และทำให้คนแถวนี้มีรายได้ แต่ในอีกทางนึง คนจีนก็มีลักษณะนิสัยที่คนไทยไม่ชอบ เช่น เสียงดังโวยวาย ไม่เคารพกติกา หลายครั้งมีเรื่องกับคนไทย หรือมีเรื่องกันเอง รุนแรงถึงขั้นกลายเป็นคดีฆ่ากันตายในหอพักแถวนี้ก็หลายครั้ง” น.ส. น้ำผึ้ง กล่าวผ่านโทรศัพท์
“สุดท้ายเราคิดว่า ไทยยังต้องการนักท่องเที่ยวจีน แต่ไทยเองก็ต้องมีมาตรการดูแล ควบคุมเขาให้ดีกว่านี้”