เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจสอบผับในย่านยานนาวา กรุงเทพฯ พบของกลางเป็นยาเสพติดหลายประเภท จับคนจีนกว่า 200 คน ฐานมั่วสุมและเสพยาเสพติดในสถานบันเทิง เตรียมดำเนินคดีกับเจ้าของผับ และนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ถูกสั่งย้ายทันที
พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนของวันพุธ ได้นำกำลังตำรวจเข้าปิดล้อมตรวจค้น อาคารร้านจินหลิง, ร้านลีลา และวิบวับคาร์วอช ซึ่งตั้งบนถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาธร กรุงเทพฯ หลังพบข้อมูลว่า สถานที่เหล่านี้เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดให้กับนักท่องเที่ยวจีน
ในชั้นต้น เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายธนบดี (ไม่ระบุนามสกุล) อายุ 36 ปี ชาวไทยไว้ดำเนินคดีในฐานเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และยินยอมหรือปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการ และสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีนายทุนรายใดอยู่เบื้องหลังหรือไม่
“สถานที่ดังกล่าวเปิดทำการเป็นสถานบริการ ร้านคาราโอเกะ ให้บริการกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติชาวจีน โดยไม่ได้รับอนุญาต มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จัดสถานที่ให้มีการมั่วสุมยาเสพติด ให้บริการรับฝากยาเสพติดที่ใช้บริการไม่หมด และจัดให้มีการเล่นพนันกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่และกฎหมาย” พล.ต.ท. ธิติ กล่าว
พล.ต.ท. ธิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเข้าตรวจสอบ กลุ่มนักท่องเที่ยวและพนักงานต่างวิ่งหลบหนีเข้าไปซุกซ่อนในอาคารอย่างชุลมุน ตรวจสอบในเบื้องต้น พบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน พบพนักงานเป็นบุคคลชาวกัมพูชาและชาวไทย อีกจำนวนกว่า 29 คน
“ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของนักท่องเที่ยวและพนักงานร้าน พบสารเสพติดในร่างกาย 104 คน เป็นชาวจีน 99 คน ชาวไทย 4 คน และกัมพูชา 1 คน ได้ส่งดำเนินคดีตามกฏหมายฐานเสพยาเสพติดที่ สน.ยานนาวา” พล.ต.ท. ธิติ กล่าว
พล.ต.ท. ธิติ กล่าวอีกว่า ยังมีชาวจีน 93 คน, เมียนมา 23 คน, เวียดนาม 2 คน, จอร์เจีย 1 คน, กัมพูชา 1 คน และบุคคลไม่มีสัญชาติ 5 คน ที่แม้ตรวจไม่พบยาเสพติด แต่ต้องถูกดำเนินคดีฐานมั่วสุมในสถานบันเทิง
“จากการตรวจค้นห้องอื่น ๆ พบยาเสพติดหลายรายการ อาทิ ยาเค ยาแฮปปี้วอลเตอร์ ไฟว์ไฟว์ ในซองพลาสติกกว่า 300 ซอง และพบยาเสพติดตกกระจายตามห้องคาราโอเกะ ตำรวจยังสามารถยึดรถหรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบขยายผลหาตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือพฤติกรรมที่เข้าข่ายฟอกเงินหรือไม่” พล.ต.ท. ธิติ เปิดเผย
ในวันเดียวกันนี้ พล.ต.ต. นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) ได้ลงนามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) ที่ 408/2565 ให้ย้าย พ.ต.อ. ธนโชติ ฤกษ์ดี ผู้กำกับการ สน.ยานนาวา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบท้องที่ที่เกิดเหตุ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) และขาดจากตำแหน่งเดิมทันที
ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ทำการสืบสวนการหายตัวไปของ น.ส. โย่วซื่อหัว อายุ 32 ปี สัญชาติจีน ซึ่งมีรายงานว่าหายตัวไปหลังจากมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ต่อมาพบว่า น.ส. โย่วซื่อหัว ได้เสียชีวิตกระทันหัน แต่ญาติของ น.ส. โย่วซื่อหัว ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
ในวันพุธนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) จึงได้แถลงว่า ผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า น.ส. โย่วซื่อหัว เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 หลังจากได้ไปเที่ยวในสถานบันเทิงย่านรัชดาภิเษก โดยคืนเกิดเหตุผู้ตายมีอาการอาเจียน ช็อกหมดสติขณะอยู่ในสถานบันเทิง จึงถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนจะเสียชีวิต และเมื่อชันสูตรพลิกศพ พบสารแอมเฟตามีนในร่างกาย และเชื่อว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งกวดขันเรื่องยาเสพติดในสถานบันเทิง
ต่อประเด็นที่เกิดขึ้น น.ส. น้ำผึ้ง (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี พนักงานบริษัทเอกชนย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นย่านที่มีนักท่องเที่ยวจีนพักอาศัยจำนวนมาก เปิดเผยกับเบนาร์นิวส์ว่า นักท่องเที่ยวจีนสร้างทั้งผลดีและผลเสีย
“ช่วงโควิดระบาด ห้วยขวางที่แต่ก่อนเป็นย่านคนจีนก็ซบเซาไปด้วย ร้านอาหาร โรงแรมเกือบทั้งหมดต้องปิดตัว บางร้านปิดชั่วคราว บางร้านปิดถาวร เราปฏิเสธไม่ได้ว่าชาวจีนช่วยเศรษฐกิจ และทำให้คนแถวนี้มีรายได้ แต่ในอีกทางนึง คนจีนก็มีลักษณะนิสัยที่คนไทยไม่ชอบ เช่น เสียงดังโวยวาย ไม่เคารพกติกา หลายครั้งมีเรื่องกับคนไทย หรือมีเรื่องกันเอง รุนแรงถึงขั้นกลายเป็นคดีฆ่ากันตายในหอพักแถวนี้ก็หลายครั้ง” น.ส. น้ำผึ้ง กล่าวผ่านโทรศัพท์
“สุดท้ายเราคิดว่า ไทยยังต้องการนักท่องเที่ยวจีน แต่ไทยเองก็ต้องมีมาตรการดูแล ควบคุมเขาให้ดีกว่านี้”