นายกฯ ยันไม่มีแผนให้ตำรวจจีนลาดตระเวนในไทย

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2023.11.15
กรุงเทพฯ
นายกฯ ยันไม่มีแผนให้ตำรวจจีนลาดตระเวนในไทย ครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวจีนแต่งชุดไทยถ่ายเซลฟี่ที่วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ วันที่ 12 มกราคม 2566
เอพี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ น.ส. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยัน ไม่มีแผนที่จะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในประเทศไทย หลังจากโดนกระแสสังคมต่อต้าน   

ทั้งนี้ น.ส. ฐาปนีย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทยต่อสื่อมวลชนภายหลังจากการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีในวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ แต่ทันทีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวดังกล่าว มีเสียงวิพากษ์-วิจารณ์ในแง่ลบจากหลายภาคส่วน จนกระทั่งเมื่อวานนี้ น.ส. ฐาปนีย์ ออกมาชี้แจงว่ามีสื่อสารผิดพลาด 

หลังจากเป็นประเด็น นายเศรษฐา ซึ่งปัจจุบันเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปก (APEC CEO Summit 2023) และพบปะนักธุรกิจ จึงได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวเมื่อวานนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดนั้น 

“เรื่องเอาตำรวจมากี่คนกี่คน ผมไม่เคยพูด ไม่ได้สั่ง ยังไงตำรวจไทยก็ต้องเป็นคนดูแล แต่ถ้าเกิดมีความร่วมมือเกิดขึ้นในแง่ของการประสานเรื่องข้อมูลของทางตำรวจจีน ผมเชื่อว่าก็จะเป็นเรื่องที่ให้ความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวจีนมากขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ใช่มีตำรวจจีนมาเดินอยู่บนถนนเมืองไทยคงไม่ใช่ คงเป็นการสื่อสารที่มีการผิดพลาดมากกว่า” นายเศรษฐา กล่าว 

“แน่นอนทุกคนกลัวเรื่องจีนสีเทา เรื่องของการที่คนจีนเองมาทำอะไรผิดกฎหมายกับคนจีนเองที่นี่ ก็เป็นเรื่องอะไรที่เราต้องมีการประสานในข้อมูลให้ชัดเจน อย่าให้เกิดมีความสับสน ถ้าเกิดมีอาชญากรรมเกิดขึ้นก็จะได้จัดการบำบัดได้ทันที” นายเศรษฐา กล่าวเพิ่มเติม 

เช่นเดียวกัน น.ส. สุดาวรรณ ชี้แจงที่ทำเนียบรัฐบาลว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีหลายมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยไม่ต้องนำตำรวจจีนมาลาดตระเวน 

“แต่ในส่วนของเรื่องการมาลาดตระเวนร่วมกัน เราไม่ได้มีมาตรการนี้ออกมาจากทางกระทรวง แต่มีการหารือว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นแล้วก็มั่นใจที่จะมาเที่ยวประเทศไทย จริง ๆ ศักยภาพตำรวจไทยของเราก็ดีมากอยู่แล้วนะคะ” น.ส. สุดาวรรณ กล่าว 

ส่วนในวันพุธนี้ นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เข้าเยี่ยมคารวะ น.ส. สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยได้ย้ำความสัมพันธ์ทางการท่องเที่ยวของสองประเทศ

“ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในความร่วมมือระหว่างจีนกับไทย ทางรัฐบาลจีนได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวยังเมืองไทยตลอดมา เพราะว่าจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวให้สูงขึ้น แล้วยังเป็นสิ่งสำคัญที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กับประชาชนชาวไทย” นายหาน กล่าวผ่านล่ามขณะพูดคุยกับ รมว. สุดาวรรณ

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจาก น.ส. ฐาปนีย์ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ทาง ททท. กองบัญชาการตำรวจต้องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะพูดคุยกับสถานทูตจีนในรายละเอียดของโครงการลาดตระเวน โดยจะเอาตำรวจจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมาประจำในสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยคล้าย ๆ กับโครงการลาดตระเวนที่เคยมีทำในยุโรปแล้ว เช่น อิตาลี 

อย่างไรก็ตาม น.ส. ฐาปนีย์ ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า สิ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์ไปในวันอาทิตย์เป็นความเข้าใจผิด และน้อมรับความผิดพลาดดังกล่าว 

“เนื่องจากชื่อโครงการที่มีคำว่าลาดตระเวน ทำให้มีเสียงสะท้อนในสังคมเกิดขึ้นหลากหลายมุม จนกลายเป็นกระแสเชิงลบออกมา โดยข้อเท็จจริง โครงการนี้ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ขอน้อมรับทุกเสียงสะท้อนจากทุกคน พร้อมทั้งขออภัยที่ทำให้เกิดความเข้าใจไม่ตรงกันด้วย” น.ส. ฐาปนีย์ ชี้แจง 

“เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ แต่แนวคิดของโครงการนี้ เป็นความร่วมมือในการประสานข้อมูลระหว่างตำรวจสองประเทศ ที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีน พร้อมกับการเชิญตำรวจของจีนมาดูงานในแหล่งท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้มั่นใจว่าเราได้มีการยกระดับดูแลนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติทุกคน” น.ส. ฐาปนีย์ ระบุ 

ขณะเดียวกัน แม้จะมีเสียงต่อต้าน นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน เมืองพัทยา ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า แนวคิดให้ตำรวจจีนลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยวของไทยเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ 

“ในนามของเราเรารู้สึกว่า มันจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวแล้วก็ มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างตำรวจจีนเขาก็จะมีรายชื่อชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้ามากบดานอยู่เมืองไทย มาเป็นจีนสีเทา มันก็จะทำให้ได้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มี Quality (คุณภาพ) มากขึ้น” นางลิซ่า ระบุ 

เมื่อปี 2559 ประเทศอิตาลีได้อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนในเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่ในเมืองท่องเที่ยวของอิตาลี อย่างโรม และมิลาน หลังจากพบว่า มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเยือนอิตาลีปีละประมาณ 3 ล้านคน และชาวจีนอีกกว่า 2.5 ล้านคนอาศัยอยู่ในอิตาลี 

แต่ต่อมาในปี 2565 สื่อมวลชนเปิดเผยข้อมูลว่า มีขบวนการชาวจีนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ข่มขู่ คุกคามให้ชาวจีนในอิตาลีกลับไปยังประเทศจีน โดยพบว่าขบวนการดังกล่าวมีการติดต่อกับรัฐบาลจีน ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชน Safeguard Defender เปิดเผยข้อมูลว่า จีนตั้งหน่วยงานตำรวจของตนเองกว่า 100 แห่งทั่วโลกอย่างผิดกฎหมาย ในท้ายที่สุด รัฐบาลอิตาลี ประกาศยุติโครงการดังกล่าวในธันวาคม 2565 

ส่วนในประเทศไทย หลังเข้ารับตำแหน่ง นายเศรษฐา ได้ประกาศนโนบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังประเทศไทย 4-4.4 ล้านคนภายในปี 2566 

ปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-12 พฤศจิกายน ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 23.24 ล้านคน โดยมาจากประเทศมาเลเซียมากที่สุด 3.82 ล้านคน รองลงมาเป็นจีน 2.90 ล้านคน และเกาหลีใต้ 1.37 ล้านคน 

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช ในกรุงเทพฯ ร่วมรายงาน

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง