ศบค. พบติดโควิด-19 เพิ่ม 959 ราย เป็นสถิติสูงสุดในหนึ่งวันของไทย

นนทรัฐ ไผ่เจริญ
2021.01.26
กรุงเทพฯ
ศบค. พบติดโควิด-19 เพิ่ม 959 ราย เป็นสถิติสูงสุดในหนึ่งวันของไทย คนงานฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ที่ตลาดกุ้ง จังหวัดสมุทรสาคร วันที่ 25 มกราคม 2564
เอพี

ในวันอังคารนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันเพิ่ม 959 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการพบผู้ติดเชื้อภายในหนึ่งวันของไทย ด้าน

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 อาจทำให้มีแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตกงานเพิ่ม 2 ล้านคน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นในวันนี้มาจากการตรวจเชิงรุกในชุมชน 848 ราย โดยในนั้นเป็น กรุงเทพฯ 4 ราย ที่เหลือเป็น จังหวัดสมุทรสาคร

“ตัวเลขอัพเดทมาที่ 14,646 วันนี้เพิ่มขึ้น 959 มีตัวเลขที่เยอะขึ้นมาเฉียด ๆ พัน จากการติดเชื้อในประเทศ 937 จากต่างประเทศ 22 ในเมื่อค้นเยอะก็ต้องเยอะ 848 รายที่เรามาเจอกัน… เสียชีวิตวันนี้ไม่มีเพิ่ม ยังรักษาตัวอยู่ 3,442… เข้ามารักษาเองวันนี้ 89 ราย” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ ระบุว่า สำหรับการติดเชื้อระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563-26 มกราคม 2564 พบใน สมุทรสาครมากที่สุด 6,394 คน กรุงเทพฯ 721 คน ชลบุรี 648 คน ระยอง 576 คน และสมุทรปราการ 336 คน ตามลำดับ ส่วนใหญ่พบผู้ติดเชื้อในกลุ่มอายุ 20-29 ปี และ 30-39 ปี เชื้อโรคอยู่กับผู้ที่ค่อนข้างมีการเดินทางหรือปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก แต่เป็นกลุ่มที่สุขภาพค่อนข้างแข็งแรง ทำให้ไม่มีอาการ จึงไม่รู้ตัวว่าป่วยและอยู่ในกลุ่มผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เขียนเฟซบุ๊คแฟนเพจส่วนตัวเปิดเผยว่า ประเทศไทยได้สั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 เพิ่มจากบริษัท แอสตราเซเนกา อีก 35 ล้านโดสแล้ว ตามการแนะนำของคำแนะนำของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม การสั่งซื้อครั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีวัคซีน 63 ล้านโดส สำหรับประชากร 31.5 ล้านคน คิดเป็น 63 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรที่ควรรับวัคซีนได้ซึ่งมีประมาณ 50 ล้านคน ตัดกลุ่มอายุต่ำกว่า 18 ปี และหญิงตั้งครรภ์ออก

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ประเทศไทยจะสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน 50 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ ในปี 2564 โดยจะเป็นการนำเข้าวัคซีน 2 ล้านโดส จากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน มูลค่า 1,228 ล้านบาท และอีก 26 ล้านโดส จากบริษัท แอสตราเซเนกา ประเทศอังกฤษ/สวีเดน มูลค่า 6,049 ล้านบาท โดยในการฉีดประชาชนต้องฉีดคนละ 2 โดส แต่ละโดสห่างกัน 4 สัปดาห์ ต่อมารัฐบาลเปิดเผยว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ของไทยจะเป็นผู้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และผลิตวัคซีนตามสูตรของแอสตราเซเนกา โดยจะมีกำลังผลิต 200 ล้านโดสต่อปี อย่างไรก็ตาม ยังมิได้มีการเปิดเผยรายละเอียดสัญญาการผลิตวัคซีนนี้

ครม. สรุปแนวทางจัดการแรงงานข้ามชาติ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคณะรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานข้ามชาติ 2,335,671 คน ใน 3 กลุ่มเป้าหมาย ดังนี้

กลุ่มแรก กลุ่มที่ถือบัตรสีชมพู 1,400,387 คน ประกอบด้วย 1.1 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 20 สิงหาคม 2562 จำนวน 1,162,443 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่าไปอีก 6 เดือนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 และ 1.2 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 4 สิงหาคม 2563 จำนวน 237,944 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่าไปอีก 6 เดือน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564

กลุ่มที่สอง กลุ่มแรงงานต่างด้าว ตามเอ็มโอยู 434,784 คน ประกอบด้วย 2.1 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรี 10 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 119,094 คน และ 2.2 กลุ่มแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู วาระการจ้างงานครบ 2 ปี 315,690 คน ให้ขยายระยะเวลาการตรวจสุขภาพและขอต่อวีซ่าออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งจะทยอยครบกำหนด โดยสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2565

กลุ่มที่สาม กลุ่มแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรี 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างยื่นลงทะเบียนคาดว่ามีจำนวนประมาณ 500,000 คน ให้จัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล เพื่อการพิสูจน์ ตัวตนของคนต่างด้าวและความมั่นคงของประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ตรวจโควิด-19 ภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะส่งข้อมูลคนต่างด้าว ที่ได้จัดเก็บอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ให้กรมการจัดหางานออกใบอนุญาตทำงาน

ทั้งนี้ ยังให้สถานพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถร่วมตรวจโควิด-19 ได้ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 เร่งด่วน และสถานพยาบาลของรัฐ อาจมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการตรวจตามกำหนด ภายในวันที่ 16 เมษายน 2564 โดยอัตราค่าตรวจ โควิด-19 ต้องไม่เกิน 2,300 บาท ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำหนด สำหรับกลุ่มผู้ต้องกักที่เป็นคนต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ที่มีประมาณ 500 คน อยู่ระหว่างรอการส่งกลับ ให้สามารถทำงานกรรมกรและงานบ้านได้ จนถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ต้องส่งกลับประเทศต่อไป

สทท. ประเมินแรงงานภาคท่องเที่ยวอาจตกงาน 2 ล้านคนจากโควิด-19 ระบาด

ในวันเดียวกัน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย​ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และ มหาวิทยาลัย​เทคโนโลยี​ราชมงคลศรีวิชัย ระบุว่า ปี 2563 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี ประมาณ 6.69 ล้านคน ลดลงร้อยละ 83.22 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประมาณ 3 แสนล้านบาท ลดลงร้อยละ 80.58 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย​ประจำไตรมาส 4 ปี​ 2563​ เท่ากับ 62 และใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่น ไตรมาสที่ 1 ปี 2564 คาดการณ์เท่ากับ 53 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นและคาดว่าใช้เวลาเกือบ 2 เดือน​ ​จึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

นายชำนาญ​ ศรีสวัสดิ์​ ประธาน สทท. ระบุว่า การระบาดของโควิด-19​ กระทบแรงงานในภาคท่องเที่ยวกว่า 4 ล้านคน ​​ไตรมาส​ 4 ของปี 2563 ​มีกิจการภาคท่องเที่ยวต้องปิดกิจการชั่วคราวร้อยละ 10 และปิดกิจการถาวร ประมาณร้อยละ​ 3 สถานประกอบการร้อยละ 85 ยังเปิดกิจการ แต่ลูกค้าลดลงร้อยละ 50 ทำให้ต้องลดพนักงานลงประมาณร้อยละ 3-​40

“การระบาดรอบใหม่ ​อาจทำให้มีแรงงานในภาคท่องเที่ยวต้องตกงานมากกว่า 2 ล้านคน จากปี 2563 ที่มีแรงงานตกงานแล้ว 1.04 ล้านคน ​ถือว่าน่ากังวลมาก  เพราะหากเทียบเพียงไตรมาส 3 ไตรมาสเดียวมีแรงงานตกงาน 502,000 คน​ เพิ่มขึ้น​เป็นเท่าตัว​” นายชำนาญ​ กล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง