ตำรวจส่งฟ้อง “แอม ไซยาไนด์” ฆาตกรรมต่อเนื่องกว่าสิบคดี

วิลาวัลย์ วัชรศักดิ์เวช
2023.06.30
กรุงเทพฯ
ตำรวจส่งฟ้อง “แอม ไซยาไนด์” ฆาตกรรมต่อเนื่องกว่าสิบคดี พล.ต.ต. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (กลาง) แถลงข่าวกรณีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ ที่ถูกกล่าวหาวางยาไซยาไนด์ในเหยื่อหลายราย ที่กองบังคับการปราบปราม กรุงเทพฯ วันที่ 30 มิถุนายน 2566
เอเอฟพี

ในวันศุกร์นี้ พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีฟ้องต่อ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือเป็นที่รู้จักในนาม “แอม ไซยาไนด์” ผู้ต้องสงสัยเป็นฆาตกรในการใช้สารพิษไซยาไนด์เพื่อหมายฆ่าผู้อื่นต่อเนื่องรวม 15 คดี พร้อมทั้งส่งฟ้องสามีเก่า และทนายความ ในข้อหาซ่อนเร้นและทำลายหลักฐาน

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดี ได้เปิดเผยว่า นางสรารัตน์ ได้ก่อคดีฆาตกรรมผู้อื่นมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปี 2564 รวมเหยื่อจำนวน 15 ราย โดยมีเพียงรายเดียวที่มีชีวิตรอดมาได้ เพราะรักษาอาการได้ทัน

ต่อมาในปลายเดือนเมษายนนี้ เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนางสรารัตน์ (ขณะตั้งครรภ์) พร้อมของกลางเป็นขวดไซยาไนด์ได้ ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และนางสรารัตน์ ได้แท้งลูกในระหว่างการถูกฝากขัง

“คดีนี้ ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยอีกคดีหนึ่ง ที่ผู้ต้องหามีการวางแผนฆาตกรรมเหยื่อมาอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลาหลายปี ใช้การวางยาพิษเพื่อให้เหยื่อเสียชีวิตในลักษณะเหมือนการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย ด้วยภาวะการทำงานของหัวใจล้มเหลว เพื่อมิให้ญาติผู้ตายพบข้อพิรุธสงสัย โดยหวังเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ หรือเพื่อประโยชน์ในการล้างหนี้ที่เคยหยิบยืมกันมา” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวในการแถลงในวันศุกร์นี้

ผู้ต้องหาอีกสองรายที่ถูกฟ้องคดี คือ พ.ต.ท. วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ รองอ๊อฟ รองผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง ซึ่งเป็นอดีตสามีของแอม และ น.ส. ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความของแอม ซึ่งมีหลักฐานว่าร่วมอำพรางพยานหลักฐานในคดี

ในส่วนของนางสรารัตน์นั้น เจ้าหน้าที่ได้สรุปความผิดในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อตระเตรียมการที่จะกระทำความผิดอื่น เพื่อจะเอาผลประโยชน์จากผู้อื่น และเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนให้พ้นอาญา, ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภค บริโภคอื่นใด เพื่อให้บุคคลอื่นเสพ หรือใช้ และการปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในต้นสัปดาห์นี้ว่า ในการระบุการตายนั้น แพทย์สามารถระบุว่าผู้ตายโดนวางยาพิษด้วยการดูภาพถ่ายศพ

“เมื่อไซยาไนด์ได้ถึงมือ ศพหลายศพก็เกิดขึ้นในทันที เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่สอดคล้องกันว่าเมื่อเขาสั่งซื้อไซยาไนด์ เกิดศพขึ้นทันที เขาใช้ไซยาไนด์ทั้งหมด แม้ว่าศพไม่ได้มีการชันสูตร แต่จากภาพถ่ายศพที่ปอเต็กตึ๊งและมูลนิธิต่าง ๆ เก็บไว้ให้หมอยืนยัน หมอก็ยืนยันว่าการตายแบบนี้เกิดจากการใช้สารพิษ” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าว

ทั้งนี้ ทีมสอบสวนคดีได้ส่งมอบสำนวนให้อัยการพิจารณาสำนวนคดีต่อไป ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดของกลางไว้ได้ และกำลังสืบสวนขยายผลหาผู้ที่จัดจำหน่ายสารอันตรายดังกล่าว เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ระบุว่า “แอม” เริ่มการฆ่าผู้อื่นเพื่อประสงค์ทรัพย์มาตั้งแต่ปี 2558 เริ่มจาก น.ส. มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ ที่ได้เสียชีวิตภายในคอนโดพื้นที่สถานีตำรวจทองหล่อ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2558 โดยผู้เสียชีวิตรู้จักกับนางสรารัตน์ตั้งแต่ช่วงที่อยู่ อ.สามพราน จ.นครปฐม นางสรารัตน์ได้เสนอตัวช่วยดูแลอาคารปล่อยเช่าให้ ในระหว่างที่ผู้ตายเดินทางไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ และจะขับรถไปรับที่สนามบินทุกครั้งที่กลับไทย

ในวันเกิดเหตุ นางสรารัตน์ได้ขับรถไปรับผู้ตายที่สนามบิน แล้วนำมาส่งที่คอนโดที่พัก ก่อนจะพบว่า น.ส. มณฑาทิพย์ เสียชีวิตในวันต่อมา นอกจากนี้ พบว่านางสรารัตน์ มีการเอาเงินจากผู้ตายไป รวมถึงทรัพย์สินภายในอาคารปล่อยเช่าได้สูญหายไปหลังจากผู้ตายเสียชีวิต

จากนั้นมา ผู้ต้องหามีพฤติกรรมการกู้ยืมเงินหรือเล่นแชร์ร่วมกับผู้เสียชีวิตรายอื่น ๆ และใช้ไซยาไนด์ในการผสมอาหารหรือยาให้เหยื่อรายอื่น ๆ กิน

เจ้าหน้าที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีผู้รอดมาได้ว่า เกิดขึ้นกับ น.ส. กานติมา แพสะอาด ซึ่งรู้จักกับนางสรารัตน์ เนื่องจากสามีของทั้งสองคนเรียนจบนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกัน และนางสรารัตน์ได้กู้ยืมเงินอีกจำนวน 250,000 บาท

เมื่อเดือนกันยายน 2565 น.ส. กานติมาได้เจอกับนางสรารัตน์ ที่ห้างโรบินสัน กาญจนบุรี โดยนางสรารัตน์ได้นำยาแคปซูลมาให้กินอ้างว่าเป็นยาแก้ไอพร้อมกับน้ำส้ม 1 ขวด หลังดื่มกินและได้ขับรถออกจากห้างแล้วไม่นานก็เกิดอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก จนต้องโทรเรียกรถพยาบาล และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี หลังเกิดเหตุนางสรารัตน์ ยังได้นำยาแคปซูล ซึ่งอ้างว่าเป็นยาลดน้ำหนักมาให้ น.ส. กานติมา อีก 1 กล่อง แต่ไม่ได้นำไปกิน ซึ่งต่อมาได้มีการตรวจพบสารพิษไซยาไนด์ปลอมปนอยู่ในแคปซูลยาดังกล่าว

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง