เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 นายขณะที่ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเสียชีวิต 1 รายหลังเข้าปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอเทพาจังหวัดสงขลาในวันอังคารนี้ แม้เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกวาดล้างบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามก่อนงานประชุมเอเปค ในเดือนพฤศจิกายนนี้
พล.ต.ต. วราเวชชาภินันท์ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาเปิดเผยว่าเหตุปะทะเกิดขึ้นในเวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการปิดล้อมบ้านผู้ต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับป.วิอาญาในพื้นที่ ม.7 ต.ปากบางอ.เทพาจ.สงขลา
“เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนคดีความมั่นคงและคดีพิเศษได้เข้าติดตามเป้าหมายและเจรจาให้มอบตัวแต่ผู้ต้องหาได้วิ่งฝ่าวงล้อมและใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ทำให้เกิดการปะทะกันขึ้นคนร้ายถูกวิสามัญขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษนเรศวร 261 ได้รับบาดเจ็บ 2 นายคือสิบตำรวจเอกนำโชคสุวรรณถูกกระสุนบาดเจ็บที่บริเวณขา และจ่าสิบตำรวจตรีอัมรินทร์หนูโงนบาดเจ็บที่บริเวณศีรษะ” พล.ต.ต. วรากล่าว
“ผู้เสียชีวิตคือนายอับดุลสอเหร็มอายุ 32 ปีมีหมายจับในคดีความมั่นคง 14 หมายใกล้ศพผู้ตายพบอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อซีแซด 9 มม. 1 กระบอก"
"นายอับดุลเคยก่อคดีสำคัญเช่นคดีปล้นรถจากเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายเสียชีวิต 1 รายและคดีลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ร้อยร.2531 ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นายได้รับบาดเจ็บ 3 นาย”
พล.ต.ต. วราระบุว่าปัจจุบันส.ต.อ. นำโชครับการรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ต้องเฝ้าดูอาการขณะที่จ.ส.ต. อัมรินทร์หนูโงนถูกส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลยะลาสิริรัตนรักษ์ภายในศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้มีอาการปลอดภัย
หลังเกิดเหตุ พ.อ. เกียรติศักดิ์ณีวงษ์หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้าระบุว่า “ปฏิบัติการครั้งนี้ได้ดำเนินการตามมาตรการจากเบาไปหาหนักด้วยการเชิญผู้นำท้องที่ผู้นำศาสนาและเครือญาติ เข้าร่วมเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวยอมออกมามอบตัว แต่คนร้ายกลับไม่ยินยอม กลับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนีจึงได้เกิดการยิงต่อสู้”
ขณะที่ พล.ท. ศานติสกุนตนาคแม่ทัพภาคที่ 4 และกอ.รมน.ภาค 4 ได้แสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว
“เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีความต้องการที่จะหมายเอาชีวิตคนร้ายแต่อย่างใดแต่เหตุที่เกิดขึ้นเนื่องจากคนร้ายไม่ยอมออกมามอบตัวกลับยิงต่อสู้จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บถึง 2 นาย... ส่วนผู้ให้ที่พักพิงแก่คนร้ายจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป” พล.ท. ศานติกล่าว
กวดขันความปลอดภัย ก่อนงานประชุมเอเปค
ผู้บัญชาการตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวกับสื่อในพื้นที่ถึงการเตรียมความพร้อมในการซักซ้อมการปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกการจราจร ในการเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค และการประชุมที่เกี่ยวข้องที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
มีการใช้กำลังตำรวจกว่า 20,000 นาย และหน่วยสนับสนุนกว่า 30 หน่วยงาน เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังเหตุก่อนการจัดการประชุมฯ โดยได้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติด บุคคลตามหมายจับทุกข้อหา ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า ในช่วงเวลาก่อนการประชุมเอเปค ผู้บัญชาการตำรวจคนใหม่มีคำสั่งให้กวดขันระดมกวาดล้างสิ่งที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อการประชุมเอเปคที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้
เมื่อต้นเดือนสิงหาคมปี 2562 ได้เกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดหลายจุด ในกรุงเทพและปริมณฑล ในระหว่างมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ในกรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคนร้ายหวังผลต่อการประชุมฯ ด้าน พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ขณะนั้น) ระบุ ผู้ก่อเหตุอาจเป็นกลุ่มการเมือง
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน 2019 ครั้งนั้น จัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างจากประเทศสมาชิก และประเทศพันธมิตร เช่น จีน สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ฯลฯ และอื่น ๆ รวม 31 ประเทศ เข้าร่วมการประชุม
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยสองราย โดยทั้งสองมีภูมิลำเนาในอำเภอรือเสาะ นราธิวาส