ชาวบ้านโวยค่าไปฮัจย์ขึ้นราคากะทันหัน

เกิดเสียงวิพากษ์-วิจารณ์ในหมู่ชาวมุสลิมที่ต้องการเดินทางไปประกอบฮัจย์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในปี 2566 นี้ เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปแสวงบุญเพิ่มขึ้นเกือบ 3 หมื่นบาท จากที่กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลาม และกิจการฮัจย์ กรมการปกครอง เคยประกาศไว้ในช่วงรับสมัคร

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัฐชี้แจงว่า ราคาที่เพิ่มสูงขึ้นมาจากค่าวีซ่า และค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงขึ้น

นายภักดี มะแอ อุปนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ เปิดเผยว่า ชาวมุสลิมที่ต้องการเดินทางไปฮัจย์ในปีนี้ได้รับความเดือดร้อนจากการขึ้นราคาค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐ

“กรมการปกครองให้จ่ายเงินค่าร่วมพิธีล่วงหน้า 80,400 บาท เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ขอเรียกเก็บเงินเพิ่มจากผู้ประกอบการฮัจย์ในระยะเวลากระชั้นชิดอีก (ประมาณ) 29,000 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการ ฮุจญาจ ฮัจยี หลายคนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะต้องเร่งรีบหาเงินมาจ่าย” นายภักดีกล่าว

“ทราบไหมตอนนี้ กัลฟ์แอร์บินรับฮุจญาจพม่า ซึ่งออกจากไทยราคาไม่ถึง 40,000 บาท และอาจจะบินไปซาอุฯ วันเดียวกับฮุจญาจไทยด้วย” นายภักดี กล่าวเพิ่มเติม

ด้านผู้แสวงบุญในสามจังหวัดชายแดนใต้รายหนึ่ง (สงวนชื่อและนามสกุลด้วยเหตุผลส่วนตัว) กล่าวว่า “เงิน 30,000 บาทที่ต้องจ่ายก็ต้องนำทองไปขาย 1 บาท ขายได้ 30,500 บาท เพียงพอที่จะต้องจ่ายให้เขา ก็หวังว่าจะไม่มีเพิ่มอีกแล้ว ถ้าเพิ่มอีกก็ไม่รู้จะหามาจากไหนอีก เพราะอยากไปแสวงบุญจริง ๆ”

เสียงวิจารณ์เกิดขึ้นเนื่องจากในระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม-29 พฤศจิกายน 2565 สำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เปิดรับลงทะเบียน สำหรับผู้ประสงค์จะเดินทางไปร่วมพิธีฮัจย์ประจำปี 2566 โดยต้องจ่ายเงินล่วงหน้า 80,400 บาท ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมอื่น ๆ แบ่งเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน 45,000 บาท และค่าใช้จ่ายการขอวีซ่าฮัจย์จากซาอุดีอาระเบีย 35,400 บาท โดยจะเริ่มเดินทางไปยังประเทศซาอุดีอาระเบียในวันที่ 21 พฤษภาคม 2566

ต่อมาในวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย ได้ประกาศราคาค่าตั๋วเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2566 ดังนี้ หนึ่ง เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ (ช่วงต้น) ราคา 58,175 บาท สอง เดินทางจากท่าอากาศยานนราธิวาส ราคา 63,150 บาท สาม เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ (ช่วงปลาย) ราคา 64,892 บาท และ สี่ เดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ราคา 68,442 บาท ซึ่งพบว่ามีราคาสูงกว่าที่เคยประกาศ

ดังนั้น เมื่อรวมค่าตั๋วเครื่องบิน วีซ่า กับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ของซาอุดีอาระเบีย จะทำให้ผู้แสวงบุญต้องจ่ายเงินประมาณ 1.22-1.32 แสนบาทต่อคน ยังไม่รวมค่าที่พักและค่าอาหารระหว่างประกอบพิธี

หลังจากมีเสียงวิจารณ์ กองส่งเสริมองค์กรศาสนาอิสลาม และกิจการฮัจย์ กรมการปกครอง ได้ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเพจในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุที่กรมการปกครองต้องขึ้นค่าใช้จ่าย

“เงินลงทะเบียนที่ผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ได้ลงทะเบียนไว้ ส่วนที่จะจ่ายให้กระทรวงฮัจย์ของซาอุ จำนวน 35,400 บาทนั้น ไม่พอต่อค่าใช้จ่ายที่กระทรวงฮัจย์ของซาอุฯ บังคับให้จ่ายเพื่อจะยื่นขอวีซ่า จึงต้องมีการจ่ายเพิ่มส่วนที่ขาด จำนวน 29,000 บาท เพื่อจะสามารถยื่นขอวีซ่าได้ ค่าตั๋วเครื่องบินที่ผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ได้จ่ายตอนลงทะเบียน จำนวน 45,000 บาทนั้น ไม่พอต่อการเรียกเก็บของแต่ละสายการบินที่ทำการขนส่งผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ แต่ละสนามบิน” ตอนหนึ่งของคำชี้แจง

อย่างไรก็ตาม นายภักดี ระบุว่า หลังเสร็จสิ้นช่วงประกอบพิธีฮัจย์ในเดือนสิงหาคม 2566 ตนเองจะได้ขอประชุมหารือร่วมกับสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องนี้

“ทำไมเราต้องไปยอมรับเงื่อนไขที่มีราคาแพงเช่นนี้ แต่ก่อนบินจากไทยต้องบินแบบเช่าเหมาลำ แต่ปัจจุบัน มีเที่ยวบินพาณิชย์ปกติแล้ว ทั้งของการบินไทย และซาอุดีแอร์ไลน์ ทำไมเรายังต้องบินเช่าเหมาลำที่แพงอยู่ ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตกลงราคาตั๋วเครื่องบินให้เสร็จสิ้นก่อนประกาศลงทะเบียน” นายภักดี กล่าว

ในปี 2566 สำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เปิดโอกาสให้ชาวมุสลิม 13,000 คน ที่ประสงค์จะเดินทางไปแสวงบุญในพิธีฮัจย์ โดยจะมีการเดินทางด้วยเครื่องบิน 39 เที่ยว ตั้งแต่วันที่ 21-30 พฤษภาคม 2566 แบ่งเป็นเดินทางจาก สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ 26 เที่ยว, สนามบินสุวรรณภูมิ 9 เที่ยว และสนามบินนราธิวาส 4 เที่ยว และจะเดินทางกลับระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม-2 สิงหาคม 2566