ยูเอ็นโอดีซี : จับยาบ้าทะลุหลักพันล้านเม็ดในปี 2564
2022.05.31
กรุงเทพ

การผลิตและการค้ายาบ้าได้ขยายตัวทะลุหลัก 1,000 ล้านเม็ด ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียอาคเนย์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในปี พ.ศ. 2564 สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ กล่าวในการเสนอรายงานในสัปดาห์นี้ และเตือนว่าการค้ายาเสพติดสังเคราะห์ยังคงขยายตัวมากขึ้น
ในรายงานเรื่อง Synthetic Drugs in East and Southeast Asia: latest developments and challenges 2022 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์นี้ สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Office on Drugs and Crime - UNODC) ระบุว่า เจ้าหน้าที่ยึดยาบ้าได้กว่า 1,000 ล้านเม็ด หรือคิดเป็นน้ำหนักถึงเกือบ 172 เมตริกตัน ซึ่งสูงกว่าล็อตที่เคยจับยึดได้ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาถึงเจ็ดเท่าตัว โดย 90 เปอรเซ็นต์ของยาบ้าพันกว่าล้านเม็ดนี้ ยึดได้จากประเทศไทย, ลาว, เมียนมา, กัมพูชา และเวียดนาม
“ภูมิภาคนี้กำลังว่ายวนอยู่ในทะเลยาบ้า และผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ภูมิภาคนี้จะเริ่มมองปัญหาอย่างจริงจังและใช้นโยบายที่เข้มข้นในการจัดการกับปัญหานี้ ปรับเปลี่ยนนโยบายให้ทันการกว่าเดิม มิฉะนั้นการค้ายาเสพติดก็จะขยายตัวต่อไป” นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนของยูเอ็นโอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวในการแถลงข่าวในวันจันทร์นี้
นายเจเรมี กล่าวอีกว่า ยาบ้ายังคงเป็นยาเสพติดที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในภูมิภาค “ทั้งจำนวนและความแพร่หลายของยาบ้าและยาเสพติดสังเคราะห์ ขยายตัวกว้างขวางและนับวันยิ่งขยายวงกว้างออกไป”
สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบของพรมแดนไทย สปป.ลาว และเมียนมา เป็นพื้นที่ที่มีความเสื่อมเสียในด้านการผลิตและค้ายาเสพติดมาอย่างยาวนาน เพราะขาดการควบคุม มีพรมแดนที่มีรอยรั่ว และมีความไม่มั่นคงทางการเมืองในบางประเทศ
มีรายงานว่ากลุ่มอาชญากรได้ฉกฉวยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และความสั่นคลอนทางการเมืองในเมียนมาที่มีการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เพื่อการขยายกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
“องค์กรอาชญากรรมและกลุ่มติดอาวุธได้ใช้การระบาดของโรคและความไม่สงบทางการเมืองในย่านสามเหลี่ยมทองคำและชายแดนเมียนมา เพื่อการเพิ่มผลผลิตในปีที่แล้ว เราพบว่ามีโรงงานผลิตยาเสพติดนอกพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเพียงไม่กี่แห่ง มีซัพพลายยาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งรัฐบาลและหน่วยงานรัฐบาลต่างได้รายงานว่ามีที่มาจากแหล่งเดียวกัน” นายเจเรมีกล่าว
ตามรายงานของยูเอ็นโอดีซี สปป.ลาว “กลายเป็นจุดส่งออกยาเสพติดที่สำคัญ เพื่อผ่านเข้าสู่ประเทศไทย ส่วนอื่นของลุ่มน้ำโขง และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก” ส่วนมาเลเซีย ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อเป็นต้นทางในการขนส่งยาเสพติดไปยังอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
การที่มีซัพพลายยาเสพติดมากขึ้น ทำให้ราคาขายส่งยาเสพติดและราคาขายปลีกถูกลงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและมาเลเซีย ยูเอ็นโอดีซีระบุ
ด้านนายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า สถานการณ์การค้ายาบ้าถือเป็นความเร่งด่วนต่อรัฐบาลไทย
“เราได้ทำงานร่วมกับยูเอ็นโอดีซี องค์กรนานาชาติ และพาร์ตเนอร์ในภูมิภาค เพื่อปรับปรุงกฎหมายและนโยบายของเรา พัฒนาการพิสูจน์ทราบที่สำคัญ พัฒนาข้อมูลความสามารถในการปฏิบัติการ และจัดการกับเรื่องเร่งด่วน เช่น การลักลอบนำเข้าสารตั้งต้น” นายธนากร กล่าวในการแถลงข่าว
นายเจเรมี ระบุว่า พื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐฉานยังเป็นแหล่งผลิตยาบ้าที่สำคัญที่สุด ขณะที่ในปี 2564 มีการจับยาบ้าใน สปป.ลาว ได้เพิ่มขึ้นถึง 669 เปอร์เซ็นต์ ส่วนในกัมพูชา มีรายงานว่ามีการตรวจยึดเคตามีนได้ 2.7 ตัน เกือบห้าเท่าตัวของจำนวนเคตามีนที่จับได้รวมกันในห้าปีก่อนหน้านั้น รวมทั้งมีการทลายห้องแล็บผลิตเคตามีนในปีที่แล้วได้อีกด้วย