เลือกตั้ง 2566 : ส่องโฉมหน้า 5 ผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
2023.04.04
กรุงเทพฯ และเชียงใหม่
ผู้แข่งขันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เริ่มลงสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่วันจันทร์สัปดาห์นี้ ก่อนหน้าการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ซึ่งผู้สันทัดกรณีเชื่อว่าผลการเลือกตั้งมีแนวโน้มที่จะลงเอยไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสม
นับเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วที่ทหารฉายคราบเงาการปกครองในประเทศไทย โดยการบริหารประเทศห้าปีแรกภายใต้การนำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และถัดมาอีกสี่ปีภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับทหาร
แม้ว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้จะมีการประท้วงผู้มีอำนาจโดยนักเคลื่อนไหวรุ่นเยาวชนและนักศึกษาก็ตาม นักวิเคราะห์ยังทายทักว่า ทหารยังคงเกาะอำนาจได้อยู่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เปิดโอกาสให้ ส.ส. และ ส.ว. มีอำนาจร่วมโหวตรับรองนายกรัฐมนตรี
ในวันจันทร์นี้ บรรดาบิ๊กเนมทั้งหลายได้ยกขบวนรถแห่แหนที่เต็มไปด้วยสีสันไปตามท้องถนน นำลูกพรรคไปลงทะเบียนสมัครรับเลือกตั้งทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด ท่ามกลางผู้สนับสนุนของพรรคต่าง ๆ ที่ถือป้ายสัญลักษณ์ของพรรคสนับสนุนและส่งเสียงเชียร์
นักการเมืองสำคัญ 5 คน ดังต่อไปนี้ มีแนวโน้มจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (สะพายกระเป๋าสีขาว) และ นายเศรษฐา ทวีสิน (คนกลาง) แกนนำพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นหนึ่งในแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรค เดินหาเสียงที่ย่านเยาวราชช่วงวันตรุษจีน วันที่ 21 มกราคม 2566 (สุรินทร์ พิณสุวรรณ/เบนาร์นิวส์)
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย
ในวัย 36 ปี นางสาวแพทองธาร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์และผู้ที่คาดว่าจะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ถูกมองว่าจะเป็นหัวหอกในการนำประเทศไทยกลับมาสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงปราศจากคราบเงาของทหาร
“อุ๊งอิ๊ง” ขณะกำลังตั้งท้องแปดเดือน ลูกสาวคนสุดท้องของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เกิดเมื่อ 21 สิงหาคม 2529 ในเส้นทางการเมืองของตระกูล ได้ถูกยึดอำนาจสองครั้งโดยบิดาของเธอถูกรัฐประหารในปี 2549 ส่วนอาหญิง คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสบชะตากรรมเดียวกันในปี 2557 และหลบหนีออกนอกประเทศทั้งคู่
นางสาวแพทองธาร หมายที่จะสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับพรรคเพื่อไทย ให้เหมือนดังพรรคไทยรักไทย พรรคในอดีตของนายทักษิณ ที่มีอิทธิพลต่อการเมืองไทยมาตั้งแต่ปี 2544 ทั้งนี้ศาลรัฐรรมนูญสั่งยุบพรรคไทยรักไทยในปี 2550 จากนั้น ส.ส. ที่เหลือได้ก่อตั้งพรรคพลังประชาชนขึ้นมา แต่แล้วก็ถูกยุบพรรคอีกครั้งในปี 2551 และในท้ายที่สุด ได้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทย ซึ่งดำเนินกิจกรรมทางการเมืองมาจนถึงปัจจุบัน
ในผลการสำรวจคะแนนของโพลสำนักต่าง ๆ พรรคเพื่อไทยมีโอกาสที่จะได้ ส.ส. มากกว่ากึ่งหนึ่งของที่นั่งทั้งหมด 500 ที่นั่ง หากพรรคเพื่อไทยชนะแลนด์สไลด์ได้จริง ก็จะสามารถนำไปคัดง้างกับ ส.ว. 250 คน ที่จะร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้
พรรคเพื่อไทย หาเสียงด้วยคำมั่นในการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับดอกไม้จากประชาชนที่ไปให้กำลังใจ ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ ลงพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสงคราม วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 (สุรินทร์ พิณสุวรรณ/เบนาร์นิวส์)
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา วัย 69 ปี กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงเป็นใยประชาชน จึงได้ตัดสินใจเล่นการเมืองต่อไปอีกสมัย แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้เป็นนายกฯ ได้ถึงวันที่ 5 เมษายน 2568 เท่านั้น และมีเวลาอีกเพียง 2 ปี
พล.อ. ประยุทธ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2497 เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารบกที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเข้มข้น เป็นผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐประหารรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใน ปี 2557
พล.อ. ประยุทธ์ ประกาศที่จะปกป้องสถาบัน เป็นที่รักของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และนักวิเคราะห์มองว่า พล.อ. ประยุทธ์ ยังคงเล่นการเมืองต่อไปเพื่อปกป้องสถาบันจากการท้าทายของกลุ่มผู้ประท้วงที่มีเยาวชนรุ่นใหม่เป็นแกนนำ
ผู้รักสถาบันเชื่อว่านายทักษิณและพรรคเพื่อไทยเองยังเป็นกลุ่มที่ท้าทายสถาบัน แม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาโดยชัดเจนก็ตาม ผู้รักสถาบันให้การสนับสนุน พล.อ. ประยุทธ์ ผ่านทางการแสดงความเห็นทางโซเชียลมีเดีย หรือออกมาตอบโต้กับกลุ่มไม่เอาเจ้าอยู่เสมอ
ด้วยคติพจน์ที่ว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” พล.อ. ประยุทธ์ หวังว่าจะได้สานต่อความสำเร็จที่ตนได้สร้างไว้แล้วในช่วงที่ผ่านมา และแม้ว่าจะถูกตำหนิในเรื่องผลงานด้านเศรษฐกิจ และการลิดรอนสิทธิในการแสดงออก พล.อ. ประยุทธ์ ก็ได้รับคะแนนนิยมในเรื่องการมอบสวัสดิการให้กับคนยากจนและผู้สูงอายุ
ผู้สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐต้อนรับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ไปหาเสียงที่จังหวัดปทุมธานี วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ของ 3ป เปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลันในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ โดยเน้นความสามัคคีของผู้เห็นต่างทางการเมือง และพร้อมที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคใด ๆ ทั้งฝ่ายประชาธิปไตยและพรรคฝ่ายที่มีทหารหนุนหลังก็ได้
พล.อ. ประวิตร ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่าย “ก้าวข้ามความขัดแย้ง” จากการแบ่งพรรคแบ่งพวกที่มีในอดีต ทั้งนี้ พล.อ. ประวิตร, พล.อ. อนุพงศ์ (เผ่าจินดา) และ พล.อ. ประยุทธ์ อดีต ผบ.ทบ. ทั้งสามคนเป็นผู้กุมอำนาจสำคัญในการรัฐประหารในอดีต และควบคุมการเมืองไทย
เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 พล.อ. ประวิตร เป็นผู้ที่มีความประนีประนอมมากที่สุดในบรรดาสมาชิก 3ป ที่พร้อมจะร่วมทำงานกับพรรคการเมืองอื่น ๆ และนักวิเคราะห์เห็นว่า แม้ว่า พล.อ. ประวิตร จะมีคะแนนรั้งท้ายในโพลสำนักต่าง ๆ แต่พรรคพลังประชารัฐยังมีโอกาสได้คะแนนเสียงมากพอประมาณ และด้วยการสนับสนุนของ ส.ว. ที่ผ่านการคัดกรองของทหาร 250 คน ทำให้เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ พล.อ. ประวิตร จะได้รั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปราศรัยหาเสียงในกรุงเทพฯ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 (นาวา สังข์ทอง/เบนาร์นิวส์)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ด้วยนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนบางกลุ่ม นักวิเคราะห์มองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะเป็นตัวแปรที่สำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสม หรือแม้แต่เป็นม้ามืดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยในก่อนหน้านี้มี ส.ส. พรรคอื่นย้ายมาซบอกภูมิใจไทยอย่างน้อย 43 คน
นายอนุทิน มีความสนิทแนบแน่นกับ พล.อ. ประวิตร และแม้ว่าทั้งสองพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทั้งสองจะยังคงมีความใกล้ชิดกันไม่เปลี่ยนแปลง
นายอนุทิน เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2509 ในครอบครัวเศรษฐีเจ้าของบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างแนวหน้าของประเทศไทย ส่วนในทางการเมืองนายอนุทินคุยได้ว่า พรรคของตนเป็นพรรคที่ “พูดแล้วทำ” ไม่ขายฝัน ทำได้จริง จนได้รับความนิยมจากชนชั้นรากหญ้า
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ทักทายกับผู้สนับสนุนระหว่างที่นำลูกพรรคไปลงสมัคร ส.ส. ที่สนามกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) วันที่ 3 เมษายน 2566 (สุรินทร์ พิณสุวรรณ/เบนาร์นิวส์)
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
นายพิธา ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มคนเยาวชนที่ประท้วงรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563
พรรคก้าวไกล เป็นเพียงพรรคการเมืองพรรคเดียวที่เรียกร้องให้แก้ กฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ได้บังคับใช้อย่างเข้มข้นในการจัดการปราบปรามผู้ประท้วง
นักวิเคราะห์เชื่อว่าพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคแนวหัวก้าวหน้า จะแบ่งคะแนนเสียงกับพรรคเพื่อไทย และจะร่วมมือกันในความพยายามจัดตั้งรัฐบาล
นายพิธา ในวัย 42 ปี มีคะแนนนิยมสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนำหน้า พล.อ. ประยุทธ์ จากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามทั่วประเทศของโพลจากหลายสำนัก แต่ยังตามหลัง นางสาวแพทองธาร อยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์