รัฐบาลสั่งงดออกใบอนุญาตพกปืน 1 ปี ไม่มีผลกับทหาร-ตำรวจ

นนทรัฐ ไผ่เจริญ และคุณวุฒิ บุญฤกษ์
2023.12.20
กรุงเทพฯ
รัฐบาลสั่งงดออกใบอนุญาตพกปืน 1 ปี ไม่มีผลกับทหาร-ตำรวจ เจ้าหน้าที่สอบปากคำชาย 2 ราย ที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา กรุงเทพฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าขายปืนให้เด็กอายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงที่ห้างสยามพารากอน กรุงเทพฯ ภาพวันที่ 5 ตุลาคม 2566
ลิเลียน สุวรรณรัมภา/เอเอฟพี

รัฐบาลออกคำสั่งห้ามการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว กำหนดระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยให้เหตุผลว่าเป็นการป้องกันไม่ให้มีการนำอาวุธปืนมาก่อเหตุสร้างความไม่สงบให้แก่ประชาชน

น.ส. ไตรศุลี ไตรสรณกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทยที่ 3877/2566 ดังกล่าว ซึ่งลงนามโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว และมีผลบังคับใช้ทันที

“มีความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนและความปลอดภัยสาธารณะ ลดอาชญากรรม และควบคุมสถานการณ์ให้บ้านเมืองกลับมาเป็นปกติสุขจึงสมควรออกคำสั่งห้ามออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) เป็นการชั่วคราว” ตอนหนึ่งของคำสั่ง ระบุ

อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวจะไม่กระทบการทำงานของเจ้าหน้าที่ราชการที่มีความจำเป็นต้องพกอาวุธปืน

“คำสั่งฯ จะไม่มีผลบังคับกับเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธปืนติดตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เช่น ทหารตำรวจ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการ ประชาชน ซึ่งอยู่ระหว่างการช่วยเหลือราชการและมีเหตุจำเป็นต้องมีและใช้อาวุธตามกฎหมาย” น.ส.ไตรศุลี ระบุ

น.ส. ไตรศุลี ระบุว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้มีคำสั่งงดการออกใบอนุญาตให้ร้านค้าอาวุธปืนสั่ง หรือนำเข้าอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (แบบ ป.2) และให้เจ้าหน้าที่มีการการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่จะขอรับใบอนุญาตซื้อปืน (แบบ ป.3) เข้มงวดขึ้น และกำลังเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ เพื่อขึ้นทะเบียนส่งมอบอาวุธปืนที่ผิดกฎหมาย และการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืนด้วย

สำหรับใบอนุญาต ประเภท ป.12 ซึ่งจะถูกบังคับใช้ ผู้ที่สามารถร้องขอได้ ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย หรือหากไม่ใช่ต้องมีตำรวจระดับผู้บังคับการรับรอง มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน มีใบรับรองการประกอบอาชีพและเสียภาษี มีหลักฐานความจำเป็นในการพกอาวุธปืน ต้องมีเงินฝากหรือทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท

ต่อมาตรการดังกล่าว นายวรชาติ อาวิพันธ์ นักวิชาการ สถาบันศาสนา วัฒนธรรม และสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ มองว่า รัฐบาลบังคับใช้มาตรการแก้ปัญหาอาวุธปืนล่าช้า เนื่องจากประเด็นปัญหาเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566

“เชื่อว่า มาตรการนี้อาจจะพอช่วยลดปัญหาการใช้ปืนได้ในระยะสั้น แม้มาตรการนี้จะบังคับใช้ได้เฉพาะกับคนที่มีทุนเข้าถึงอาวุธ ซึ่งมีจำนวนไม่มากในบ้านเรา และจะบอกว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก็ได้ เพราะเราไม่เห็นความพยายามที่จะแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาการใช้ปืน เช่น ความยากจน ความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหายาเสพติด และปัญหาอาชญากรรม” นายวรชาติ กล่าวกับเบนาร์นิวส์

231220-th-gun-control 3.JPG

เจ้าหน้าที่กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยคอมมานโด) มาถึงสถานที่เกิดเหตุ หลังคนร้ายวัย 14 ปี ใช้อาวุธปืนยิงประชาชน ในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในกรุงเทพฯ วันที่ 3 ตุลาคม 2566 (รอยเตอร์)

ปัญหาการจัดการอาวุธปืนถูกตั้งคำถามอย่างหนัก หลังเกิดเหตุ คนร้ายอายุ 14 ปี ใช้อาวุธปืน (แบลงค์กัน) ยิงประชาชนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย ในวันที่ 3 ตุลาคม 2566 (ต่อมาผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย)

หลังเกิดเหตุ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้หน่วยงานราชการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมอาวุธปืน และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ได้ออกมาตรการ เพื่อควบคุมอาวุธปืนโดยสรุปดังนี้ มาตรการระยะสั้น คือ 1. ให้นายทะเบียนอาวุธปืน งดออกใบอนุญาตขายสิ่งเทียมอาวุธปืน 2. ให้ผู้ครอบครองสิ่งเทียมอาวุธปืนมาแสดงและทำบันทึกต่อนายทะเบียน 3. ให้กรมศุลกากรตรวจสอบการนำเข้าสิ่งเทียมอาวุธปืน

4. ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ห้ามผู้มีอายุไม่เกิน 20 ปี เข้าสนามยิงปืน ยกเว้นได้รับการอนุญาตตามระเบียบ เช่น นักกีฬายิงปืนทีมชาติ อาวุธปืนที่ใช้ต้องมีทะเบียนถูกต้อง และตรงตัวกับผู้มาใช้บริการ ห้ามนำกระสุนปืนออกภายนอกสนาม 5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ งดออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว 6. กระทรวงมหาดไทยไม่มีนโยบายดำเนินโครงการอาวุธปืนสวัสดิการให้ประชาชนทั่วไป ยกเว้น เจ้าพนักงานของรัฐ มีได้คนละ 1 กระบอก ห้ามโอน

7. ให้นายทะเบียนงดการออกใบอนุญาตนำเข้าอาวุธปืนของร้านค้าอาวุธปืนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และ 8. ขอความร่วมมือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปราบปรามและปิดเว็บไซต์-เพจ ซื้อขายอาวุธปืนเถื่อน และสิ่งเทียมอาวุธปืน

มาตรการระยะยาว จะแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 1.ต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์เรื่องสุขภาพจิต ประกอบการยื่นคำขอซื้อปืนและเครื่องกระสุน 2. ให้นิยามสิ่งเทียมอาวุธปีนเสียใหม่ ไม่รวมแบลงค์กัน บีบีกัน ที่ดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้ง่าย 3. ผู้ซื้อสิ่งเทียมอาวุธต้องขออนุญาตกับนายทะเบียน 4. ผู้ครอบครองอาวุธปืน ต้องนำปืนมายิงทดสอบเก็บข้อมูลหัวกระสุน และ 5. ให้ผู้มีใบอนุญาตมีและใช้อาวุธปืน (ป.4) รายงานตัวทุก 5 หรือ 10 ปี เพื่อพิจารณาต่ออายุ

รายงานของ Small Arms Survey (SAS) ซึ่งเป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธเบา เปิดเผยในปี 2561 ว่าประเทศไทยมีปืนประมาณ 10.3 ล้านกระบอก หรือ 15 กระบอกต่อประชากร 1 แสนคน มากที่สุดเป็นอันดับ 48 ของโลก แต่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังระบุอีกว่า ในจำนวน 10.3 ล้านกระบอก มีเพียง 6.2 ล้านกระบอก เท่านั้นที่ขึ้นทะเบียนถูกกฎหมาย

ผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มีความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 72 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับ 2,000-20,000 บาท โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุว่า ช่วงปี 2559-2562 มีคดีที่เกิดจากอาวุธปืนมีทะเบียน 25,034 คดี และเกิดจากอาวุธปืนไม่มีทะเบียนมากถึง 91,376 คดี

ช่องแสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นโดยการกรอกแบบฟอร์มด้วยอักษรธรรมดา ความเห็นจะได้รับการอนุมัติ ตามเงื่อนไข Terms of Use ความคิดเห็นจะไม่แสดงในทันที อาร์เอฟเอจะไม่รับผิดชอบใดๆ ต่อเนื้อหาในข้อคิดเห็นนั้นๆ กรุณาให้เกียรติต่อความคิดเห็นของบุคคลอื่น และยึดถือข้อเท็จจริง