ฟ้าหลังฝนของตัวประกันไทยในกาซา

ในวันที่เขาปลดผ้าปิดตา และมองเห็นรถยูเอ็นอยู่ตรงหน้า กง แซ่เล่า รู้สึกเหมือนว่าตนเองได้หลุดออกจากหลุมดำแห่งความตายและเกิดใหม่อีกครั้ง

เป็นเวลาเกือบสองเดือนที่นายกง แซ่เล่า ชาวม้ง อายุ 26 ปี จากจังหวัดเชียงราย ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันในกาซา ในช่วงสายของวันที่ 7 ตุลาคม ปี 2566 ก่อนที่เขาจะได้รับอิสรภาพอีกครั้ง

ในตอนเช้าวันนั้น เขาถูกปลุกด้วยเสียงระเบิดเสียงปืน กงหยิบมือถือขึ้นมาไลฟ์สดภาพจรวดบนท้องฟ้า บรรยายว่าการรบกันวันนี้รุนแรงกว่าปกติ เพราะเสียงระเบิด เสียงปืนดังอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน กงบรรยายต่อด้วยว่า ดูเหมือนจะมีกลุ่มคนมุ่งหน้ามายังแคมป์คนงานที่เขาอาศัยอยู่ หลังจากนั้นเขาก็ขาดการติดต่อ จนทำให้ภรรยาของเขาคิดว่าเขาเสียชีวิตแล้ว

“หลังจากเขาไลฟ์สดตอนเช้า ตอนเย็นหนูก็ติดต่อเขาไม่ได้อีก หนูก็คิดว่าแฟนหนูอาจจะไม่รอดชีวิตแล้ว หนูไปโพสต์ตามหาในกลุ่มแรงงานอิสราเอลก็ไม่มีใครเห็น” ฟ้า ให้สัมภาษณ์กับเบนาร์นิวส์พร้อมน้ำตาเมื่อหวนคิดถึงช่วงเวลานั้น

ทว่าฟ้ายังเมตตา ที่กลุ่มฮามาสไม่ได้ทำร้ายกงจนถึงแก่ชีวิต และปล่อยตัวกงในช่วงค่ำของวันที่ 29 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น จนกงได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัว

ถูกจับเป็นตัวประกัน

กงเล่าให้เบนาร์นิวส์ฟังว่า ในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม เขาอยู่กับเพื่อนคนงานไทยในแคมป์รวม 6 คน หลังจากไลฟ์สดการสู้รบไม่นาน ก็มีกลุ่มคนที่เชื่อว่าเป็นปฏิบัติการภาคพื้นดินถืออาวุธบุกเข้าไปในแคมป์ คนงานไทยทั้งหมดถูกจับตัว กงถูกจับเป็นคนสุดท้ายเพราะเขาหลบอยู่ห้องพัก ทำให้เขาไม่รู้ว่าเพื่อนคนงานที่เหลือถูกจับไปที่ไหนกันบ้าง

“ผมอยู่ในห้องพัก เขาเข้ามารื้อของแล้วก็จับตัวเราไป คนไทยห้าคนข้างนอกโดนจับก่อน เอาไปขังอยู่อีกที่หนึ่ง ผมโดนจับคนสุดท้าย” กงเล่าย้อนวันที่โดนบุกจับ “ผมตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะบุกเข้ามาได้ขนาดนี้แล้วจับตัวเราไป”

โซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพวิดีโอขณะที่กลุ่มฮามาสล็อกคอ ล็อกแขน ทุบตีกง แล้วลากตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป โดยมีคนถืออาวุธปืนคุมตัว

กงถูกนำตัวไปคุมขังไว้ในเขตกาซา ซึ่งกงไม่สามารถระบุได้ว่าอยู่ตรงไหน เพราะเขาโดนปิดตาตลอดเวลา และโดนมัดแขนมัดขาไว้ในช่วงแรก

“ตอนแรก ๆ กลัวมาก เพราะเราไม่รู้ใจเขา เขาก็ไม่รู้ใจเรา เราก็คิดว่าเราจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไหมนะ แล้วก็คิดว่าสงสัยเราจะไม่รอดกลับมาแล้ว แต่หลังจากนั้นเขาดีกับเรา เราก็มีความหวังว่าอาจจะมีโอกาสได้กลับบ้านอยู่” กงกล่าวกับเบนาร์นิวส์

000_34NU3DX.jpg
A man stands by the rubble of a destroyed building in Khan Yunis on April 7, 2024 after Israel pulled its ground forces out of the southern Gaza Strip, six months into the devastating war sparked by the October 7 attacks. Israel pulled all its troops out of southern Gaza on April 7, including from the city of Khan Yunis, the military and Israeli media said, after months of fierce fighting with Hamas militants left the area devastated. (Photo by AFP) / �The erroneous mention[s] appearing in the metadata of this photo by - has been modified in AFP systems in the following manner: [Khan Yunis] instead of [Rafah]. Please immediately remove the erroneous mention[s] from all your online services and delete it (them) from your servers. If you have been authorized by AFP to distribute it (them) to third parties, please ensure that the same actions are carried out by them. Failure to promptly comply with these instructions will entail liability on your part for any continued or post notification usage. Therefore we thank you very much for all your attention and prompt action. We are sorry for the inconvenience this notification may cause and remain at your disposal for any further information you may require.� (-/AFP)

ชายรายหนึ่งยืนอยู่ข้างซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทำลายในเมืองคาน ยูนิส วันที่ 7 เมษายน 2567 หลังจากอิสราเอลถอนกำลังทหารออกจากภาคใต้ของแถบกาซา ท่ามกลางสงครามที่ยาวนาน 6 เดือน เริ่มต้นจากการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 (เอเอฟพี)

กงเล่าว่า กลุ่มคนที่จับตัวเขาไปเป็นคนละกลุ่มกับคนที่ควบคุมตัวเขา คนที่ควบคุมตัวเขาดีกับเขามาก พยายามชวนคุย ทำกับข้าวให้กิน หายาให้กินช่วงที่กงไม่สบาย และปกป้องเขาเวลาที่มีระเบิดลงหนัก ๆ

“ผมโชคดี ผมได้กินข้าวหมกไก่ บางครั้งเป็นสลัดผัก ใส่แตงกวา พริกหยวก บางมื้อเป็นขนมปังจิ้มเนยหรือชีส เป็นอาหารของเขาที่แบ่งมาให้ผมกิน แต่มันไม่เยอะเพราะเป็นช่วงสงคราม อาหารเขาเริ่มขาดแคลน” กงกล่าว “ยิ่งเวลาระเบิดลงหนัก ๆ เขาก็จะพาเราไปหลบในที่กำบังที่ปลอดภัย คอยเซฟเรา ไม่ให้เราต้องเสียชีวิต”

กงบอกว่าคนที่คุมตัวเขาปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นคนกันเอง มีการพูดคุยกัน แสดงน้ำใจกัน ทำให้กงรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง คนที่คุมตัวกงบอกเขาว่า “คุณจะได้กลับบ้านพรุ่งนี้”

รอดจากหลุมดำแห่งความตาย

กงเล่าว่า ตลอดเวลาที่อยู่ในกาซา เขาอยู่ในสภาพไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้ บางวันมีการทิ้งระเบิดบริเวณที่กงถูกคุมตัวอยู่อย่างหนัก “เป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุดในชีวิต ปวดหัวมากเหมือนเป็นไมเกรน”

กงบอกว่า เขาไม่รู้เลยว่ามีความพยายามในการเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน จนเขาคิดว่าเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอด กระทั่งวันหนึ่งคนที่ควบคุมตัวเขาบอกกับเขาว่า เขาจะได้กลับบ้านในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้กลับ อีกวันก็ยังไม่ได้กลับ เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน

“เขาบอกผมว่าไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้คุณได้กลับบ้านแน่นอน ไทยแลนด์ดี เราไม่ทำร้ายคนไทย” กง ระบุข้อความที่ได้ยิน

“ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างไร ผมไม่เหมารวมว่าทุกคนเป็นคนเลว เพราะคนที่ดูแลผมเขาก็เป็นคนดี เขาเองก็ไม่อยากให้เรามาอยู่จุดนี้หรอกแต่เป็นหน้าที่ของเขา ผมก็ขอให้เขาเจอแต่สิ่งดี ๆ และปลอดภัย”

“วันที่ผมได้ออกจริง ๆ เขาเลี้ยงอาหารผม เขากอดผม บอกผมว่าให้ไปกับคนพวกนี้ ผมจะปลอดภัย คนพวกนี้จะส่งผมกลับบ้านแน่นอน ไม่ต้องกลัว” กงระบุ

จากนั้น กงถูกปิดตา แล้วถูกนำไปส่งให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะนำกงไปรอที่จุดนัดหมายเพื่อรับตัว

เมื่อถึงจุดนัดหมาย กงถูกปล่อยตัว และเปิดตา ภาพแรกที่เห็นตรงหน้าคือ เจ้าหน้าที่พยาบาล และรถยูเอ็น (UN) จอดรอรับเขาอยู่

“เหมือนกับว่าเราออกจากหลุมดำที่ว่าเป็นหลุมแห่งความตายมาแล้ว และเราได้เกิดใหม่แล้ว ก็ดีใจมาก แฮปปี้มาก” กง พูดพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า ตามมาด้วยเสียงหัวเราะ “ผมอธิบายความรู้สึกนั้นไม่ถูก มันดีใจ”

“ตอนที่นั่งรถไปกับ UN ผมคิดแค่ว่าผมจะได้กลับไปกอดเมียแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าผมจะทำยังไงให้เขาสบายใจ ทำยังไงให้เขาไม่ยากจน” กง กล่าวย้อนถึงความกังวลในใจ

กงถูกนำตัวไปพักฟื้นและทานอาหารเล็กน้อยที่ประเทศอียิปต์ ก่อนจะถูกส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลชาเมียร์ ในกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล จากนั้นกงก็วิดีโอคอลไปหาภรรยาทันที

“หนูตื่นเต้นมาก จำไม่ได้ว่าพูดอะไรบ้าง มันเยอะแยะไปหมด เขาร้องไห้ หนูก็ร้องให้ ถามเขาว่าสบายดีไหม เขาก็ตอบว่าสบายดี หนูบอกเขาว่าคิดถึงนะ” ฟ้าร้องให้ ขณะบอกเล่าเรื่องราว

“ผมบอกเขาว่า ไม่ต้องร้องให้นะ ผมปลอดภัยแล้ว ทำตัวให้แข็งแรงแล้วอยู่กับอนาคตต่อไปดีกว่า” กงพูดพร้อมหันไปยิ้มให้ภรรยา

ต้นเดือนธันวาคม กงเป็นตัวประกันชาวไทยชุดสุดท้ายที่เดินทางกลับถึงประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศระบุยอดรวมตัวประกันชาวไทยได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้วทั้งหมด 23 คน และยังมีตัวประกันชาวไทยที่ยังถูกจับกุมตัวโดยไม่ทราบชะตากรรมอีก 8 คน

ข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 ระบุว่ามีแรงงานไทยทำงานในอิสราเอลอยู่เกือบ 30,000 คน ส่วนใหญ่ทำงานในภาคการเกษตร และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แต่ภายหลังการสู้รบมีแรงงานไทยได้รับความช่วยเหลือให้กลับประเทศจำนวน 15,000 คน

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแรงงานอีกจำนวนหนึ่งเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก โดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน ในขณะที่มีแรงงานอีกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แจ้งความจำนงขอกลับไปทำงานที่อิสราเอลเมื่อสถานการณ์สงบ ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดเวลาที่ชัดเจนได้

ชีวิตมีค่ากว่าทรัพย์สินอื่นใด

ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กงใช้เวลาตอนเช้าในการให้อาหารไก่ ช่วยภรรยาทำงานบ้าน และออกไปทำงานในไร่ข้าวโพด

เดือนที่ผ่านมา กงเดินทางไปที่กรมการจัดหางาน เพื่อลงทะเบียนหางานด้านการเกษตรในต่างประเทศ แต่คงไม่กลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว

“ที่ผ่านมาดวงเรายังไม่ถึงฆาต เส้นด้ายชีวิตเรายังไม่ขาดเราเลยได้กลับมา แต่ถ้ากลับไปอีกอาจไม่ได้กลับมาแล้ว เพราะชีวิตมันไม่แน่นอนเลย” กงบอก

240402_03 (1).jpg

กง แซ่เล่า ใช้เวลาตอนเช้าช่วยภรรยาให้อาหารไก่ ก่อนไปทำงานในไร่ข้าวโพด วันที่ 29 มกราคม 2567 (วิลาวรรณ วัชรศักดิ์เวช/เบนาร์นิวส์)

ในเดือนพฤศจิกายน 2565 กงเดินทางออกจากประเทศไทยไปทำงานในไร่มันสำปะหลัง มีรายได้ประมาณ 40,000 บาท จากนั้นเขาย้ายไปทำงานในสวนอะโวคาโด ได้เงินเดือน 50,000 บาท กงส่งเงินทั้งหมดให้ภรรยาเพื่อใช้หนี้จำนวน 130,000 บาท ที่เขากู้มาเพื่อใช้ในการเดินทาง และยังมีหนี้ที่กู้มาซื้อรถกระบะอีกจำนวนหนึ่ง

“ผมวางแผนว่า ปีแรกจะทำงานใช้หนี้ให้หมด แล้วปีที่สองจะเก็บเงินสร้างบ้าน ปีที่สามจะกลับมาพัก แล้วค่อยไปทำต่ออีก 2 ปี แต่มันไม่เป็นไปตามที่ฝัน” กงกล่าว “เงินที่ยืมญาติไปทำงานจ่ายคืนไปหมดแล้ว เหลือหนี้รถที่ติดไฟแนนซ์อีก 200,000 กว่าบาท”

กงและฟ้า มีความฝันว่าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะตอนนี้อาศัยบ้านแม่ยายอยู่ และนั่นเป็นสาเหตุในการตัดสินใจไปทำงานที่อิสราเอลในตอนแรก

“ชีวิตผมมันยากจน ผมไปทำงานที่โน่นเพราะอยากให้เขาสบาย ได้มีเงินใช้ซื้อของที่เขาต้องการ ผมสงสารเขา ไม่อยากให้เขาต้องยากจน” กงกล่าว

“เราอาจจะเคยฝันว่าอยากมีบ้านดี ๆ รถดี ๆ เหมือนคนอื่นเขา แต่ตอนนี้ขอเป็นบ้านก็พอแล้ว ชีวิตมันมีค่า รักษาชีวิตคนที่เรารักไว้สำคัญที่สุด” ฟ้ากล่าว