ผู้ขอลี้ภัยกัมพูชาในไทย หวั่นถูกส่งตัวกลับ ก่อนประชุมเอเปค

ผู้ขอลี้ภัยชาวกัมพูชาในประเทศไทยกลัวว่าพวกเขาอาจถูกบังคับส่งตัวกลับประเทศ เนื่องจากทางการไทยเข้มงวดการรักษาความปลอดภัยก่อนการประชุมสุดยอดเอเปค ในสัปดาห์หน้า พวกเขาบอกกับเรดิโอฟรีเอเชีย

“หากรัฐบาลไทยสนับสนุนสาเหตุของประชาธิปไตย… พวกเขาควรช่วยปกป้องเรา ซึ่งหมายความว่าพวกเขากำลังปกป้องประเทศของตนเองด้วย” เซา ปูลเลียก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของพรรคกู้ชาติกัมพูชา อดีตฝ่ายค้านหลัก ในจังหวัดบันทายเมียนเจย กล่าว

เซา ปูลเลียก ได้ลี้ภัยในประเทศไทยมาเป็นเวลาสี่ปีแล้ว หลังจากที่ศาลฎีกาของกัมพูชายุบพรรคในปี 2560 และนายกฯ ฮุนเซนเริ่มปราบปรามพรรคประชาชนกัมพูชา พรรคฝ่ายตรงข้าม

เขาและผู้ขอลี้ภัยคนอื่นๆ ที่หลบหนีการประหัตประหารจากรัฐบาลกัมพูชา เนื่องจากพวกเขาเป็นฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย มีความเห็นต่างทางการเมือง จึงมีความกังวลว่าทางการไทยจะจับได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่ไม่มีเอกสาร และส่งพวกเขากลับไปยังกัมพูชา ที่ซึ่งพวกเขาจะต้องเผชิญกับการลงโทษจาก ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

“เราไม่กล้าออกไปข้างนอกอย่างที่เราอยากทำ เพราะกลัวว่าจะถูกพวกตรวจคนเข้าเมืองที่ไทยจับตัว” ชอน สอกฮืน นักเคลื่อนไหวอีกรายหนึ่งที่ขอลี้ภัย กล่าว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตำรวจไทยได้จับกุมผู้ลี้ภัย 10 ราย ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ทางใต้ของเวียดนาม ชอน สอกฮืน จึงบอกว่าเขากังวลมากกว่าเดิมในความปลอดภัยของภรรยาและลูกอีกสามคนของเขา

ประเทศไทยไม่ให้การรับรองผู้ขอลี้ภัยหรือผู้ลี้ภัยเพราะไทยไม่ได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติปี 2494 ดังนั้นการได้รับสถานะผู้ลี้ภัยและถือบัตรประจำตัวขององค์กรผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาตินั้นจะไม่ช่วยคุ้มครองบุคคลจากการถูกเจ้าหน้าตำรวจควบคุมตัวหรือถูกส่งตัวกลับ

ชอน สอกฮืน เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศส ที่เขาเคยลี้ภัยอยู่ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อจะเดินทางกลับกัมพูชา หากได้พาสมาชิกครอบครัวทั้ง 5 หลบหนีมาประเทศไทยในปี 2562 เสียก่อน หลังจากได้รับคำข่มขู่จากทางการกัมพูชาเกี่ยวกับกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนแผนการของสม รังสี หัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านคู่ปรับของฮุน เซน

สำหรับ ชอน สอกฮืน การทำงานเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของเขาในประเทศไทย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เป็นเพราะบัตรประจำตัวยูเอ็นเอชซีอาร์ (UNHCR) ที่เขาถืออยู่ ทำให้นายจ้างกลัว เขาจึงตกงานและลูก ๆ ของเขาต้องออกจากโรงเรียน เพราะเขาไม่มีเงินจ่าย

ทางการไทยบางครั้งเรียกสินบน คุน เดช ผู้ลี้ภัยจากจังหวัดโพธิสัตของกัมพูชา กล่าวกับเรดิโอฟรีเอเชียว่า ตำรวจไทยรีดไถเงินจากเขาประมาณ 8,000 บาท (ประมาณ 220 เหรียญสหรัฐ) ระหว่างการตรวจบัตรประจำตัว โดยขู่ว่าจะส่งเขากลับไปกัมพูชา เว้นแต่เขาจะจ่ายเงินให้

“ในฐานะผู้ลี้ภัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างมาก หากถูกจับและส่งกลับกัมพูชา ผมคงจะไม่รอด” คุน เดช กล่าว “ทางการกัมพูชาอาจจะฆ่าผมทิ้งด้วยการโยนลงในบ่อจระเข้ หรือไม่ก็อาจจะยิงทิ้ง คิดว่าวิธีสุดท้าย ที่ทางการกัมพูชาจะทำคือส่งผมเข้าคุก”

กัมพูชากลายเป็นสังคมเผด็จการที่มีการเล่นพรรคเล่นพวกและการทุจริตที่รุนแรงมากขึ้น เซา ปูลเลียก กล่าว มันกำลังมุ่งสู่การปกครองแบบราชวงศ์ เนื่องจาก ฮุน เซน ปกครองประเทศมาตั้งแต่ปี 2528 และได้เตรียมที่จะแต่งตั้งลูกชายของเขา ฮุน มาเนต เป็นผู้ปกครองต่อ หลังเขาออกจากตำแหน่ง

เรดิโอฟรีเอเชีย ไม่สามารถติดต่อเพื่อขอความคิดเห็นจาก กาตา ออน โฆษกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลกัมพูชาได้ในวันนี้

ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในประเทศนั้น เมื่อพวกเขาอยู่ในประเทศที่สาม แทนที่จะถูกประหัตประหารมากขึ้น ดี ไทโฮ่ยา เจ้าหน้าที่โครงการศูนย์พันธมิตรแรงงานและสิทธิมนุษยชน ในกรุงพนมเปญ กล่าว

“หากเราพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในแต่ละคดี พวกเขาตกเป็นเหยื่อระบบการเมือง หรือสภาพแวดล้อมของการเมืองในกัมพูชา” เขากล่าว

เรดิโอฟรีเอเชีย สำนักข่าวร่วมเครือเบนาร์นิวส์ ร่วมรายงาน