ตร. คุมตัว จ่าเอ็ม ผู้ต้องหาฆ่า อดีต สส. กัมพูชาฝากขังเรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ
2025.01.13
กรุงเทพฯ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ชนะสงคราม นำตัวนายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) เสียชีวิตในกรุงเทพฯ ไปฝากขัง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว เบื้องต้น สารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ผู้มีพระคุณเป็นคนขอร้องให้ก่อเหตุ
“เขาบอกแต่เพียงว่า เขารับงานมาจากผู้มีพระคุณ ไม่ได้รับค่าจ้างตอบแทนใด ๆ ยามเขาเดือดร้อน ตกทุกข์ได้ยาก ถูกออกจากราชการ ก็มีบุคคลคนนี้สนับสนุนให้เงินให้ทอง ยามเดือดร้อนก็โทรไปปรึกษาได้ทุกครั้ง เมื่อผู้มีพระคุณขอร้องมา เขาก็ตัดสินใจอยู่ซักระยะนึงแล้วก็รับปาก เขาก็กะว่าจะทำใช้หนี้บุญคุณ” พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดดา ผบก.น.1 กล่าวกับสื่อมวลชน
พล.ต.ต. อัฏธพร ระบุว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการจับกุมตัวผู้มีส่วนรู้เห็นในคดีรายอื่น โดยสำหรับผู้มีพระคุณซึ่งจ่าเอ็มอ้างถึงนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่ระบุว่าเป็นพลเรือน
ตำรวจ สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยหน่วยอรินทราช 26 คุมตัวจ่าเอ็มไปขออำนาจศาลฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนโดยใช่เหตุ
“ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้คัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องส่งตัวผู้ต้องหาเข้าเรือนจำทันที” พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าว
จ่าเอ็มถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชน ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนาระหว่างการเดินทาง
ด้าน แม่ของจ่าเอ็ม (สงวนชื่อและนามสกุล) ได้เดินทางมารอพบลูกชาย แต่ยังไม่ได้พบ เบื้องต้นเปิดเผยว่า ต้องการให้จ่าเอ็มใช้ทนายที่ฝ่ายครอบครัวและเพื่อนของจ่าเอ็มจัดหา และลูกชายกล่าวกับตนเองผ่านโทรศัพท์ว่า ขอให้เขาเข้มแข็งก่อนจึงจะให้แม่เข้าพบ
นายลิม กิมยา อายุ 74 ปี เป็นอดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party-CNRP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งถูกยุบพรรคเมื่อปี 2560 ทำให้นายลิม และสมาชิกพรรคกว่าร้อยชีวิต ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นนายลิม ซึ่งถือสองสัญชาติคือกัมพูชา-ฝรั่งเศส จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส
ในช่วงเย็นของวันอังคารที่ 7 ม.ค. 2568 นายลิม และภรรยาชาวฝรั่งเศส รวมถึงลุงของเขาได้โดยสารรถบัสจากเมืองเสียมราฐ กัมพูชา มาลงรถที่บริเวณใกล้วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ ต่อมาถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นยิงจนเสียชีวิต
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายร่างสูง เดินเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายลิม 3 นัดก่อนวิ่งกลับไปยังจักรยานยนต์ที่จอดไว้ และขี่ออกไป ตำรวจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินของกองทัพเรือ กระทั่งประสานงานกับตำรวจกัมพูชาสามารถคุมตัวได้ในวันถัดมาที่ จ.พระตะบอง กัมพูชา และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยในวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับผู้ต้องหารายอื่น เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นายคิมริน (สงวนนามสกุล) ชาวกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนชี้เป้าให้จ่าเอ็มก่อเหตุ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า จ่าเอ็มจะได้รับการดูแลความปลอดภัยขณะถูกฝากขัง
“ผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับการดูแลความปลอดภัย ทางเรือนจำมีมาตรการในการป้องกัน รวมถึงมาตรการด้านการข่าวในการดูแลผู้ต้องขัง ยืนยันว่าในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางเรือนจำมีมาตรฐานเป็นสากล” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า ปลายปี 2567 ในประเทศไทยมีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ 86,000 คน ในนั้น 81,000 คน เป็นชาวเมียนมา ส่วนที่เหลือราว 5,500 คน ประกอบด้วยคนอีก 40 สัญชาติ
ในเดือน พ.ย. 2567 รัฐบาลไทยเพิ่งส่งกลับชาวกัมพูชา 7 คน ซึ่งลี้ภัยออกจากกัมพูชา เพราะเชื่อว่าตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามจากรัฐบาลกัมพูชา แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ และภาคประชาสังคมของไทย แต่ไทยก็ยังส่งกลับผู้ลี้ภัยเหล่านั้น
ในปี 2563 นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และคดี พรบ. คอมพิวเตอร์ฯ ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มบุคคลติดอาวุธ จากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ จนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย-กัมพูชา ยังไม่สามารถหาเบาะแสผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวได้
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น น.ส. เคท ชูเอตเซ รักษาการรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แสดงความคิดเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการคุกคามพรรคฝ่ายค้าน และสะท้อนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา
“นี่เป็นการสังหารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าการเสียชีวิตของนายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคฝ่ายค้าน เกี่ยวข้องกับเหตุผลทางการเมืองในกัมพูชาโดยตรงหรือไม่ แต่การสังหารนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ทางการกัมพูชายังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง” น.ส. ชูเอตเซ กล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังเรียกร้องให้ทางการไทยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วน โปร่งใส รอบด้าน และเป็นกลาง เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง และนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม โดยต้องไม่ใช้โทษประหารชีวิต