เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ชนะสงคราม นำตัวนายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาก่อเหตุยิง นายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) เสียชีวิตในกรุงเทพฯ ไปฝากขัง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แล้ว เบื้องต้น สารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยระบุว่า ผู้มีพระคุณเป็นคนขอร้องให้ก่อเหตุ
“เขาบอกแต่เพียงว่า เขารับงานมาจากผู้มีพระคุณ ไม่ได้รับค่าจ้างตอบแทนใด ๆ ยามเขาเดือดร้อน ตกทุกข์ได้ยาก ถูกออกจากราชการ ก็มีบุคคลคนนี้สนับสนุนให้เงินให้ทอง ยามเดือดร้อนก็โทรไปปรึกษาได้ทุกครั้ง เมื่อผู้มีพระคุณขอร้องมา เขาก็ตัดสินใจอยู่ซักระยะนึงแล้วก็รับปาก เขาก็กะว่าจะทำใช้หนี้บุญคุณ” พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดดา ผบก.น.1 กล่าวกับสื่อมวลชน
พล.ต.ต. อัฏธพร ระบุว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการจับกุมตัวผู้มีส่วนรู้เห็นในคดีรายอื่น โดยสำหรับผู้มีพระคุณซึ่งจ่าเอ็มอ้างถึงนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ แต่ระบุว่าเป็นพลเรือน
ตำรวจ สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วยหน่วยอรินทราช 26 คุมตัวจ่าเอ็มไปขออำนาจศาลฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พกอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนโดยใช่เหตุ
“ท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้คัดค้านการประกันตัวเพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งหลังจากนี้จะต้องส่งตัวผู้ต้องหาเข้าเรือนจำทันที” พล.ต.ต. อัฏธพร กล่าว
จ่าเอ็มถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่ได้ตอบคำถามของสื่อมวลชน ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนาระหว่างการเดินทาง
ด้าน แม่ของจ่าเอ็ม (สงวนชื่อและนามสกุล) ได้เดินทางมารอพบลูกชาย แต่ยังไม่ได้พบ เบื้องต้นเปิดเผยว่า ต้องการให้จ่าเอ็มใช้ทนายที่ฝ่ายครอบครัวและเพื่อนของจ่าเอ็มจัดหา และลูกชายกล่าวกับตนเองผ่านโทรศัพท์ว่า ขอให้เขาเข้มแข็งก่อนจึงจะให้แม่เข้าพบ
นายลิม กิมยา อายุ 74 ปี เป็นอดีต สส. พรรคกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party-CNRP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งถูกยุบพรรคเมื่อปี 2560 ทำให้นายลิม และสมาชิกพรรคกว่าร้อยชีวิต ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้นนายลิม ซึ่งถือสองสัญชาติคือกัมพูชา-ฝรั่งเศส จึงได้ย้ายไปอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส
ในช่วงเย็นของวันอังคารที่ 7 ม.ค. 2568 นายลิม และภรรยาชาวฝรั่งเศส รวมถึงลุงของเขาได้โดยสารรถบัสจากเมืองเสียมราฐ กัมพูชา มาลงรถที่บริเวณใกล้วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ ต่อมาถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสั้นยิงจนเสียชีวิต
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชายร่างสูง เดินเข้าไปใช้อาวุธปืนยิงนายลิม 3 นัดก่อนวิ่งกลับไปยังจักรยานยนต์ที่จอดไว้ และขี่ออกไป ตำรวจเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายเอกลักษณ์ (สงวนนามสกุล) หรือจ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินของกองทัพเรือ กระทั่งประสานงานกับตำรวจกัมพูชาสามารถคุมตัวได้ในวันถัดมาที่ จ.พระตะบอง กัมพูชา และถูกส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยในวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา
สำหรับผู้ต้องหารายอื่น เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ศาลได้อนุมัติออกหมายจับ นายคิมริน (สงวนนามสกุล) ชาวกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนชี้เป้าให้จ่าเอ็มก่อเหตุ ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการติดตามตัวมาดำเนินคดี

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า จ่าเอ็มจะได้รับการดูแลความปลอดภัยขณะถูกฝากขัง
“ผู้ต้องขังทุกคนจะได้รับการดูแลความปลอดภัย ทางเรือนจำมีมาตรการในการป้องกัน รวมถึงมาตรการด้านการข่าวในการดูแลผู้ต้องขัง ยืนยันว่าในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางเรือนจำมีมาตรฐานเป็นสากล” พ.ต.อ. ทวี กล่าว
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่า ปลายปี 2567 ในประเทศไทยมีผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ 86,000 คน ในนั้น 81,000 คน เป็นชาวเมียนมา ส่วนที่เหลือราว 5,500 คน ประกอบด้วยคนอีก 40 สัญชาติ
ในเดือน พ.ย. 2567 รัฐบาลไทยเพิ่งส่งกลับชาวกัมพูชา 7 คน ซึ่งลี้ภัยออกจากกัมพูชา เพราะเชื่อว่าตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามจากรัฐบาลกัมพูชา แม้จะมีเสียงคัดค้านจากองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติ และภาคประชาสังคมของไทย แต่ไทยก็ยังส่งกลับผู้ลี้ภัยเหล่านั้น
ในปี 2563 นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. และคดี พรบ. คอมพิวเตอร์ฯ ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มบุคคลติดอาวุธ จากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญ จนถึงปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย-กัมพูชา ยังไม่สามารถหาเบาะแสผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวได้
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น น.ส. เคท ชูเอตเซ รักษาการรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำภูมิภาคของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล แสดงความคิดเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการคุกคามพรรคฝ่ายค้าน และสะท้อนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกัมพูชา
“นี่เป็นการสังหารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าการเสียชีวิตของนายลิม กิมยา อดีต สส. พรรคฝ่ายค้าน เกี่ยวข้องกับเหตุผลทางการเมืองในกัมพูชาโดยตรงหรือไม่ แต่การสังหารนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ทางการกัมพูชายังคงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง” น.ส. ชูเอตเซ กล่าว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ยังเรียกร้องให้ทางการไทยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุการณ์นี้อย่างเร่งด่วน โปร่งใส รอบด้าน และเป็นกลาง เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริง และนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม โดยต้องไม่ใช้โทษประหารชีวิต