แพทองธาร คุยมาเลเซียหวังเร่งพูดคุยฯ รอบใหม่ ด้านอันวาร์ตั้งทักษิณนั่งที่ปรึกษา
2024.12.16
กรุงเทพฯ

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนประเทศมาเลเซีย และหารือร่วมกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรี มาเลเซีย โดยระบุว่า คาดหวังให้การพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาเริ่มใหม่อีกครั้งโดยเร็ว ขณะที่ นายอันวาร์ได้แต่งตั้งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาของตนเองในการรับตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2568
“ประเทศไทย ให้ความสำคัญของการฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง ต้องผ่านกระบวนการพูดคุยและการพัฒนา โดยหวังว่ากระบวนการพูดคุยจะเริ่มต้นใหม่ได้ในเร็ว ๆ นี้ ภายหลังการตั้งหัวหน้าคณะฝ่ายไทย” น.ส. แพทองธาร กล่าว
น.ส. แพทองธาร และรัฐมนตรีบางส่วนได้หารือกับฝ่ายมาเลเซียที่ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยมีการหารือร่วมกันในหลายประเด็น โดยไทยพร้อมที่จะสนับสนุนมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ปี 2568 ซึ่งล่าสุด นายอันวาร์ ได้แต่งตั้งนายทักษิณ บิดาของ น.ส. แพทองธาร เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว
“เราได้ทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยอดเยี่ยม ต่อเนื่องจากความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมของเรากับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผมได้ตกลงที่จะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของผมในฐานะประธานอาเซียน พร้อมทีมงานจากประเทศสมาชิกอาเซียนในรูปแบบไม่เป็นทางการ และขอบคุณที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เพราะเราต้องการประโยชน์จากประสบการณ์ของรัฐบุรุษเช่นนี้” นายอันวาร์ แถลง
ผู้นำของทั้งสองประเทศยังได้หารือความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การค้าและการลงทุน การเชื่อมโยงชายแดน เศรษฐกิจดิจิทัล และการท่องเที่ยว โดยจะร่วมมือในอุตสาหกรรมยางและฮาลาล เพื่อบรรลุเป้าหมายการค้า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2570
“ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่สองประเทศเผชิญอยู่ โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในระยะยาว นอกจากนี้ ไทยและมาเลเซียยินดีที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานชายแดนมีความคืบหน้า และพร้อมจะทำงานอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อยกระดับการเชื่อมโยงทางถนนและทางราง” น.ส. ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ
ขณะเดียวกัน ก่อนการพูดคุยระหว่างผู้นำของสองประเทศ ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (Barisan Revolusi Nasional Melayu Patani - BRN) ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ รัฐบาลไทยแสดงความจริงจังในการหาทางแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ และใช้โอกาสการพบกันระหว่างสองประเทศสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น
“รัฐบาลชุดใหม่ที่นำโดยนายกรัฐมนตรี น.ส. แพทองธาร ในช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาก็ยังไม่แสดงจุดยืน นโยบาย ความใส่ใจที่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นความขัดแย้งที่ปาตานีเลย นี่เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับทุกฝ่าย” กองเลขาธิการการเจรจาบีอาร์เอ็น ระบุ
บีอาร์เอ็นระบุว่า รัฐบาลไทยไม่มีความต่อเนื่องในการพูดคุย ทำให้ประชาคมปาตานีที่ต้องใช้ชีวิตในสภาพที่ไม่ปกติ ท่ามกลางการจำกัดเสรีภาพภายใต้ระบบกฎหมายแบบเผด็จการทหาร การคุกคาม การกดขี่และการละเมิดสิทธิต่าง ๆ
“หากรัฐบาลไทยมีท่าทีที่ละเลย ความสำคัญของความขัดแย้ง และไม่มีความจริงจังและความจริงใจในการแสวงหาแนวทางแก้ไขสำหรับความขัดแย้ง อาจจะเป็นชนวนสำหรับการต่อต้านของประชาชนปาตานีที่ร้ายแรงกว่า รุนแรงกว่า และไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป” แถลงการณ์ตอนหนึ่ง ระบุ

สำหรับประเด็นดังกล่าว รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ ระบุว่า มาเลเซียสำคัญต่อไทยมากในด้านความมั่นคง เพราะที่พำนักอาศัยของกลุ่มและขบวนการต่าง ๆ อีกทั้งมาเลเซียยังรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มต่าง ๆ เหล่านั้นให้กับรัฐบาลไทยหลายรัฐบาลที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการด้วย คงค่อนข้างชัดเจนว่าความสงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ ขึ้นอยู่กับมาเลเซียเสียมาก
"แพทองธารมีความไม่พร้อมหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความเชี่ยวชาญ แผนการที่จะพูดคุยสันติสุขก็ยังไม่มี และฐานเสียงรัฐบาลปัจจุบันไม่ได้อยู่ภาคใต้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา ก็จะอุดช่องว่างตรงนี้ได้ที่จะทำงานร่วมกับมาเลเซีย" รศ.ดร. ปณิธาน กล่าวกับเบนาร์นิวส์
"อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งให้อดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเรื่องอาเซียนนั้น อาจจะเป็นดาบสองคมได้ถ้าไม่ระวัง ในด้านแรก หากมีความชัดเจนและโปร่งใสว่าเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศและของคนไทย ก็อาจจะช่วยอุดช่องว่างเรื่องความรู้ความชำนาญในเรื่องมาเลเซียที่ขาดไปของรัฐบาลปัจจุบันได้ ในทางกลับกัน หากไม่ได้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และกระทบต่อผลประโยชน์ของคนไทยโดยรวมได้ในที่สุด" รศ.ดร. ปณิธาน ระบุ
ขณะที่ นายรอแม เจะดอเลาะ ชาวบ้านจังหวัดยะลา กล่าวกับเบนาร์นิวส์ว่า นายกฯ ไม่ให้ความสำคัญปัญหาชายแดนใต้เท่าที่ควร การเดินทางของนายกฯ ไปมาเลย์นั้นคงไม่ได้คุยอะไรใหม่
"เขาคงคุยเรื่องเดิมที่ชาวบ้านรู้ ๆ กันอยู่แล้ว เราเข้าใจปัญหามากกว่าอีก เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาไม่เคยเห็นความสำคัญคนบ้านเรา เขาไม่เคยหวังเสียงจากคนที่นี่ เขาคิดว่าส่งพรรคการเมืองนอมินีแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องมา" นายรอแม กล่าว
จรณ์ ปรีชาวงศ์ ในกรุงเทพฯ และ มารียัม อัฮหมัด ในยะลา ร่วมรายงาน